นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลีที่เข้าเยี่ยมคารวะ ในโอกาสเดินทางเยือนไทยเพื่อยื่นหนังสือเชิญประชุมผู้นำอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี สมัยพิเศษระหว่างวันที่ 31 พ.ค.-1 มิ.ย.52 ที่เกาะเจจู สาธารณรัฐเกาหลี
ฝ่ายไทยได้ให้ความสำคัญต่อการประชุมสุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี สมัยพิเศษ และจะเร่งรัดเอกสารความตกลงที่เกี่ยวข้องเข้าสู่วาระการพิจารณาของรัฐสภาโดยเร็ว พร้อมเชื่อว่าการประชุมครั้งนี้ นอกจากจะมีส่วนสำคัญในการกำหนดยุทธศาสตร์และข้อเสนอในการฝันฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจในปัจจุบันแล้ว ยังส่งเสริมความสัมพันธ์และสร้างโอกาสใหม่ๆ ทางเศรษฐกิจในภูมิภาคและอาเซียนอีก
ผู้แทนพิเศษประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ยังได้กล่าวเห็นความสำคัญของความร่วมมือในเอเชียและริเริ่มการทูตแห่งเอเชียใหม่ ดังนั้น การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี สมัยพิเศษ จึงถือเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนการทูตแห่งเอเชียใหม่ด้วย เพราะความสำเร็จของการประชุมไม่เพียงส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนและเกาหลี ยังสนับสนุนความร่วมมือระหว่างไทยและเกาหลีอีกด้วย
เนื่องจากระหว่างการประชุมจะมีการประชุมภาคเอกชน(CEO Summit)โดยมีตัวแทนภาคเอกชนชั้นนำ ทั้งของเกาหลีใต้และอาเซียนเข้าร่วมประชุมด้วย หากนายกรัฐมนตรีจะพิจารณานำคณะผู้แทนภาคเอกชนของไทยร่วมเดินทางเข้าร่วมการประชุม จะถือเป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจให้นักธุรกิจได้สนทนาแลกเปลี่ยนเพื่อแก้ไขอุปสรรคทางธุรกิจระหว่างกัน
สำหรับนโยบายด้านต่างประเทศนั้น สาธารณรัฐเกาหลีเป็นประเทศขนาดกลางที่อยู่ตรงกลางระหว่างมหาอำนาจต่างๆ ทั้ง สหรัฐ ฯ จีน ญี่ปุ่นและรัสเซีย จึงให้ความสำคัญกับประเด็นความมั่นคงโดยเฉพาะในคาบสมุทรเกาหลี
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวด้วยว่า การประชุมสุดยอดอาเซียนและประเทศคู่เจรจาได้กำหนดจัดการประชุมระหว่างวันที่ 13-14 มิ.ย.ที่ จ.ภูเก็ต โดยได้กำชับให้ความสำคัญในการรักษาความปลอดภัยแก่ผู้นำประเทศ ซึ่งเหตุการณ์ที่ผ่านมาผู้นำเข้าใจและยังให้การสนับสนุนการประชุมเป็นอย่างดี