กระทรวงสาธารณสุข ออกประกาศคำแนะนำเรื่องโรคไข้หวัดใหญ่ฉบับที่ 5 สำหรับประชาชนทั่วไป นักเรียน และอาสาสมัครสาธารณสุข(อสม.) ในการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ด้วยการออกกำลังกายเพิ่มภูมิต้านทานโรค หลังมีการขึ้นทะเบียนผู้ป่วยยืนยันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่แล้ว 2 ราย โดยย้ำให้ผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ หากมีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ให้รีบพบแพทย์ทันที
"กระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศคำแนะนำประชาชนเรื่องการดูแลสุขภาพเพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ H1N1 ฉบับที่ 5 หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขขึ้นทะเบียนผู้ป่วยยืนยันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่จำนวน 2 ราย" นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข กล่าว
รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า เพื่อให้สามารถรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องสร้างความรู้ความเข้าใจและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนและประชาชนทุกคน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่สุดของความสำเร็จในการเฝ้าระวังและป้องกันและลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรค
โดยในกลุ่มประชาชนทั่วไป ควรดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มภูมิต้านทานโรค รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ สร้างสุขนิสัยในการป้องกันโรค เน้นกินของร้อน ใช้ช้อนกลาง หมั่นล้างมือ และใช้หน้ากากอนามัยเมื่อมีอาการไอ ผู้ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศหากมีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ปวดเมื่อยตามตัว ควรรีบไปพบแพทย์ หากพบผู้ใกล้ชิดมีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เพิ่มเดินทางกลับมาจากต่างประเทศภายใน 7 วัน ควรแนะนำไปพบแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข
กลุ่มโรงเรียนและสถานศึกษา เมื่อเปิดภาคเรียนควรสำรวจนักเรียนเป็นประจำทุกวัน สังเกตอาการป่วยของนักเรียน ดูแลนักเรียนที่ป่วยอย่างถูกวิธี สอนและให้คำแนะนำวิธีรักษาสุขภาพและป้องกันโรคแก่นักเรียน จัดสิ่งแวดล้อมและอำนวยความสะดวกเพื่อสนับสนุนการป้องกันโรคในโรงเรียน ตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนำ
และกลุ่ม อสม.ขอให้เฝ้าระวัง สังเกตประชาชนในหมู่บ้าน หรือชุมชนที่รับผิดชอบ หากพบผู้ที่มาอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ ควรแนะนำให้ไปพบแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ภายใน 7 วัน และรายงานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ เผยแพร่ความรู้และให้คำแนะนำ เพื่อการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรคตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข