H1N1 FLU: WHO เดินหน้าพิสูจน์ หลังนักวิจัยยาทามิฟลูชี้ต้นตอไวรัสสายพันธุ์ใหม่เกิดจากความผิดพลาดในการทดลอง

ข่าวต่างประเทศ Wednesday May 13, 2009 13:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

องค์การอนามัยโลก (WHO) กำลังเดินหน้าสอบสวนข้ออ้างของนักวิจัยชาวออสเตรเลียที่ชี้ว่า ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่ระบาดไปทั่วโลกนั้นอาจเป็นผลพวงมาจากความผิดพลาดของมนุษย์

เอเดรียน กิบส์ ผู้มีส่วนร่วมในการวิจัยซึ่งนำไปสู่การพัฒนายาต้านไวรัส ทามิฟลู ของบริษัทโรช ให้สัมภาษณ์ว่า เขาตั้งใจที่จะตีพิมพ์รายงานที่มีข้อมูลบ่งชี้ว่า ไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้อาจจะเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจจากไข่ที่นักวิทยาศาสตร์ใช้เพาะไวรัสและบริษัทยาได้นำไปใช้เพื่อผลิตวัคซีนก็เป็นได้ ซึ่งการออกมาสรุปในแนวทางดังกล่าวนั้นก็เพื่อที่จะสืบหาถึงที่มาของต้นตอของไวรัสด้วยการวิเคราะห์แผนภูมิด้านพันธุกรรม

บลูมเบิร์กรายงานว่า องค์การอนามัยโลกได้รับรายงานดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และอยู่ในระหว่างการพิจารณาเพื่อทบทวนรายงานฉบับนี้ ส่วนกิบส์ซึ่งเป็นผู้ศึกษาวิวัฒนาการของเชื้อโรคมาเป็นเวลานานถึง 40 ปีนั้น เป็นหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์รายแรกๆที่วิเคราะห์ส่วนประกอบทางด้านพันธุกรรมของไวรัสที่ถูกวินิจฉัยเมื่อ 3 สัปดาห์ที่แล้วที่เม็กซิโก และยังเป็นภัยคุกคามล่าสุด หลังจากที่เคยเกิดการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ครั้งแรกเมื่อปี 2501

เคอิจิ ฟูกุดะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายความมั่นคงด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมของ WHO กล่าวว่า ไวรัสที่เป็นผลพวงจากการทดลองในห้องแล็บหรือการพัฒนาวัคซีนนี้ จะช่วยบ่งชี้ถึงความสำคัญในการดำเนินการด้านความมั่นคงมากกว่านี้ ทางด้านกิบส์กล่าวว่า การชี้เบาะแสของต้นตอไวรัสอาจจะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ทำความเข้าใจไวรัสสายพันธุ์ใหม่ได้ดีขึ้นทั้งในเรื่องของแนวโน้มของการแพร่เชื้อและสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วย

กิบส์กล่าวต่อไปว่า ยิ่งเรารู้ต้นตอของไวรัสได้เร็วเท่าไร เราก็จะปลอดภัยจากไวรัสเร็วขึ้นเท่านั้น ซึ่งการผลิตวัคซีนอาจจะมีข้อผิดพลาดจนทำให้เกิดไวรัสสายพันธุ์ใหม่ขึ้น หรือไวรัสอาจจะสามารถแพร่เชื้อจากหมูไปสู่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหรือนกได้ก่อนที่จะแพร่เชื้อมายังมนุษย์

กิบส์และเพื่อนร่วมงานอีก 2 ราย ได้วิเคราะห์ผลพวงต่างๆที่เกิดจากรหัสพันธุกรรม 8 ประเภทของไวรัสแต่ละชนิดผ่านกรดอะมิโนหลายร้อยตัว ซึ่งเขาตั้งใจที่จะส่งรายงานความยาว 3 หน้าเพื่อตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์วันนี้

ฟูกุดะ กล่าวที่สำนักงานใหญ่ของ WHO ว่า เราจำเป็นต้องประเมินในด้านวิทยาศาสตร์จากข้ออ้างดังกล่าวนี้อย่างจริงจัง

แนนซี ค็อกซ์ ผู้อำนวยการฝ่ายไข้หวัดใหญ่ของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (CDC) กล่าวว่า ศูนย์ฯได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว และมองว่าไม่มีหลักฐานรับรองบทสรุปเรื่องไวรัสของกิบส์ เนื่องจากนักวิจัยไม่มีตัวอย่างไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่จากประเทศในแถบอเมริกาใต้และแอฟริกาซึ่งเป็นจุดที่พบไวรัสชนิดนี้เป็นครั้งแรก ดังนั้นจึงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า ประเทศในแถบดังกล่าวเป็นต้นกำเนิดตามธรรมชาติของไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้

ค็อกซ์กล่าวต่อไปว่า ศูนย์ฯให้ความสนใจเรื่องต้นตอของไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ แต่จากการเปรียบเทียบจากปัจจัยที่เกี่ยวข้องมากที่สุดกลับมีผลออกมาในทิศทางตรงกันข้ามกับรายงานดังกล่าว เนื่องจากเราพบว่า ไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่า ไวรัสชนิดนี้เกิดขึ้นมาจากไข่ที่ใช้ในการทดลอง

ฟูกุดะกล่าวว่า ศูนย์วิจัยไข้หวัดใหญ่ฯที่ทำงานร่วมกับ WHO ซึ่งรวมถึง CDC และสาขาในเมมฟิส เมลเบิร์น ลอนดอน และโตเกียวนั้น ได้รับการร้องขอจาก WHO ให้พิจารณาผลการศึกษาดังกล่าวเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมทั้งนักวิทยาศาสตร์ที่องค์การอาหารและเกษตรกรรมที่กรุงโรม องค์การสุขภาพสัตว์โลกที่กรุงปารีส และเครือข่ายองค์กรไข้หวัดใหญ่ของ WHO ด้วยเช่นกัน เราคาดว่าจะได้เห็นภาพที่ชัดเจนมากกว่านี้ใน 2-3 วันข้างหน้า หลังจากที่เราได้ร้องขอเจ้าหน้าที่จำนวนมากช่วยกันศึกษาข้ออ้างดังกล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ