นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาการระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในสต็อก 4.49 แสนตัน เพื่อส่งออกยังต่างประเทศ ซึ่งพบว่ายังมีปัญหาทับซ้อนของคณะทำงานในการระบายข้าวโพด โดยเรื่องนี้ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แต่งตั้ง ลงมากำกับดูแลในเรื่องนี้ ส่วนจะมีการดำเนินการระบายข้าวโพดในสต๊อกที่มีอยู่อย่างไรนั้นต้องให้เป็นอำนาจการตัดสินใจของคณะอนุกรรมการชุดนี้อย่างเต็มที่
สำหรับการระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่เหลืออีก 6.6 แสนตันที่รับจำนำไว้ในโครงการแทรกแซงปี 51/52 คงไม่มีปัญหาเรื่องการระบายสต็อก เพียงแต่ต้องพิจารณาว่าจะใช้แนวทางการระบายในรูปแบบใด ระหว่างแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล(G to G) หรือรัฐบาลต่อเอกชนต่างประเทศ(G to P) โดยในเรื่องนี้อยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะต้องผ่านกระบวนการพิจารณามาตรา 190 ในกฎหมายรัฐธรรมนูญปี 50 หรือไม่
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า ข้อเสนอที่กระทรวงพาณิชย์ขอให้คงคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับสินค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 5 คณะที่ประกอบ ด้วย 1)คณะกรรมการนโยบายอาหาร 2)คณะกรรมการกำกับการรับจำนำโครงการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 51/52 3) คณะกรรมการบูรณาการการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตร 4) คณะกรรมการตรวจสอบโครงการแทรกแซงตลาดข้าวโพด โครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี 51/52 และ 5.) คณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
ขณะที่นายกรัฐมนตรี เห็นว่าคณะกรรมการดังกล่าวอาจจะมีการดำเนินงานที่คาบเกี่ยวและซ้ำซ้อนกับมติคณะรัฐมนตรีชุดที่ผ่านมา เนื่องจากอนุกรรมการด้านการตลาดข้าวโพดมีแนวทางระบายและจำหน่ายสินค้าเกษตรต่างๆ ที่รับจำนำอยู่แล้ว ขณะเดียวกันยังมีคณะกรรมการระดับนโยบาย 4 คณะ คือ คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ คณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลัง คณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ รวมทั้งได้แต่งตั้งอนุกรรมการด้านการตลาดทำหน้าที่พิจารณาการระบายอยู่แล้ว
แหล่งข่าว กล่าวว่า นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ยืนยันว่า เป็นการดำเนินการในฐานะที่เป็นประธานคณะอนุกรรมการด้านการตลาด มีหน้าที่ระบายหรือจำหน่ายสินค้าเกษตรตามโครงการ มีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการเร่งส่งออกข้าวโพด 4.49 แสนตันออกจากสต๊อก
"ระหว่างนั้นสังเกตได้ว่านางพรทิวาตอบอย่างสั่นเครือ น้ำตาไหล หลังจากที่นายกฯ สอบถามหลายครั้งว่าอาจจะมีปัญหา แต่ รมว.พาณิชย์ ยืนยันว่าเป็นการดำเนินการตามอำนาจและวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือไม่ให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนจากราคาสินค้าตกต่ำ และเมื่อรับจำนำเข้ามาเป็นจำนวนมากจึงเป็นภาระที่รัฐบาลต้องแบกรับ ดังนั้นเพื่อเป็นการลดภาระในการเก็บรักษาดังกล่าว จึงมีความจำเป็นต้องเร่งระบาย แต่นายกฯ เห็นว่า อาจจะไปซ้ำซ้อนกับมติ ครม.เดิม จึงขอให้อนุกรรมการชุดนายกอร์ปศักดิ์ ลงมากำกับนโยบายแทน" แหล่งข่าว ระบุ
แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า นางพรทิวาต้องการให้คณะรัฐมนตรีเป็นผู้ชี้ขาดว่าจะให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการชุดใดในการพิจารณาระบายข้าวโพด ขณะที่รัฐมนตรีหลายคนไม่เห็นด้วยที่จะให้คณะกรรมการชุดเก่าเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งนายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน ในฐานะเลขานุการคณะอนุกรรมการด้านการตลาดชี้แจงว่าคณะรัฐมนตรีไม่มีอำนาจในการตัดสินใจในเรื่องนี้เนื่องจากคณะรัฐมนตรีไม่ใช่นิติบุคคล ดังนั้นจึงเป็นอำนาจของคณะกรรมการชุดเก่าซึ่งมีผลผูกพัน
บรรยากาศการประชุมในช่วงนี้เป็นไปอย่างเคร่งเครียด ระหว่างที่ถกเถียงกัน นางพรทิวา ขอความเป็นธรรมให้กับพรรคร่วมรัฐบาลในการจัดการปัญหาดังกล่าวและเห็นว่านายกรัฐมนตรีปฎิบัติสองมาตรฐาน จนทำให้นายกรัฐมนตรีไม่พอใจ ขณะที่รัฐมนตรีคนอื่นๆไม่แสดงความคิดเห็น จนในที่สุดที่ประชุมครม.จึงไม่ได้มติอย่างใดในเรื่องนี้
ในช่วงสุดท้ายนายกรัฐมนตรีตั้งข้อสังเกตโดยขอให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะเท่าที่ทราบโครงการประมูลข้าวโพด 4 แสนตัน แม้จะมีบริษัทเข้ารับการประมูล 4 ราย แต่เป็นเครือข่ายเดียวกัน พร้อมทั้งกำชับให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องพิจารณาโครงการรับจำนำสินค้าทางการเกษตรให้ฤดูการนี้ด้วยความรอบคอบ