สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นจากประชาชนเรื่องทำอย่างไรการเมืองถึงจะเป็นที่พึ่งของคนไทย พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ถึง 70.82% ระบุว่าการเมืองไทยพึ่งไม่ได้ เพราะ การเมืองไทยมีความขัดแย้ง ทะเลาะวิวาท โจมตีซึ่งกันและกัน วุ่นวาย แย่งชิงผลประโยชน์ โดยมีเพียง 10.32% ที่เห็นว่าการเมืองไทยพึ่งได้ เพราะการเมืองไทยเริ่มมีการพัฒนาดีขึ้น ,ประชาชนฉลาดขึ้นและคอยตรวจสอบนักการเมืองอยู่ตลอดเวลา, การเมืองภาคประชาชนเข้มแข็งขึ้น และมีสื่อมวลชนคอยตรวจสอบอยู่
ส่วน3 อันดับแรกที่เห็นว่าเป็นแนวทางที่จะทำให้การเมืองไทยเป็นที่พึ่งของประชาชนได้นั้น อันดับแรก 40.94% เห็นว่าต้องขจัดนักการเมืองที่ไม่ดี โกงกินบ้านเมือง ไม่โปร่งใส ใช้อำนาจ เล่นพรรคเล่นพวกออกไปจากการเมืองไทย อันดับสอง 21.29% ประชาชนต้องแยกแยะนักการเมืองที่ไม่ดีออกจากนักการเมืองดีและอย่าเลือกนักการเมืองที่ไม่ดีเข้ามา และอันดับสาม 18.04%นักการเมืองควรสร้างความสมานฉันท์ หยุดโจมตีกัน ต่างฝ่ายควรทำตามหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด เป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ประชาชน
ทั้งนี้ประชาชนอยากให้การเมืองไทยเป็นที่พึ่งในเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยเฉพาะปากท้องของประชาชนมากที่สุด รองลงมาคือ เป็นศูนย์กลางของความสมานฉันท์ ความรัก สามัคคี, การแก้ปัญหาสังคมโดยเฉพาะยาเสพติด อาชญากรรม โจรผู้ร้าย, มีความเข้มแข็งเป็นปึกแผ่น ทำงานให้กับประชาชนได้อย่างเต็มที่ และดูแลชีวิตความเป็นอยู่และแก้ปัญหาต่างๆ ของประชาชน
อย่างไรก็ดี ยังมีสิ่งที่ประชาชนเป็นห่วงต่อการเมืองไทยในวันนี้ โดยเรื่องที่ห่วงมากที่สุด คือ ความแตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ทะเลาะ โจมตีใส่ร้าย ฟาดฟันซึ่งกันและกัน รองลงมา คือ การแก่งแย่งอำนาจกัน กอบโกยผลประโยชน์ ไม่โปร่งใส และอันดับสาม ความไม่มั่นคงของรัฐบาลทั้งข่าวการยุบสภา การแตกแยกของพรรคร่วมรัฐบาล
ความคิดเห็นดังกล่าว มาจากผลการสำรวจความเห็นของประชาชนที่อายุ 18 ปีขึ้นไปจาก 32 จังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 4,157 คน แบ่งเป็น กทม.1,104 คน และต่างจังหวัด 3,053 คน ในระหว่างวันที่ 8-16 พฤษภาคม 2552