ที่ประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบราชการ(อกพ.) กระทรวงการคลัง มีมติให้ไล่นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ออกจากตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลัง หลังจากที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ยืนยันความผิดของนายศุภรัตน์ ว่ามีความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงจากการแต่งตั้งตำแหน่งรองอธิบดีกรมสรรพากรทั้ง 4 คน เมื่อปี 44
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ระบุว่า ป.ป.ช.ได้กำหนดบทลงโทษตาม มาตรา 92 ใน พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ โดยพิจารณาโทษทางวินัยไว้ ซึ่งแม้นายศุภรัตน์ จะมีประวัติการทำงานที่ดีและมีคุณประโยชน์ในการเป็นข้าราชการ แต่อกพ.ไม่สามารถมีมติไปในทางอื่นได้ เพราะ ป.ป.ช.กำหนดแนวทางการลงโทษผู้กระทำผิดในข้อหาทุจริตทางวินัยอย่างร้ายแรงไว้แล้วว่าต้องไล่ออกจากราชการโดยไม่มีเหตุลดหย่อนโทษ
"ที่ประชุม อกพ.วันนี้ต้องยึดตามมติ ป.ป.ช.ที่ต้องไล่ออกจากราชการเท่านั้น แต่ที่ประชุมได้พูดคุยกันถึงประวัติ และคุณประโยชน์ของนายศุภรัตน์ ในฐานะเป็นข้าราชการระดับสูง จึงให้ระบุไว้เป็นบันทึกข้อมูลประวัติการทำงานและคุณประโยชน์" รมว.คลัง กล่าว และระบุว่าจะลงนามในคำสั่งดังกล่าวภายในวันที่ 23 พ.ค.นี้
ทั้งนี้ ตามขั้นตอนต่อไป อกพ.กระทรวงการคลังจะต้องนำเรื่องรายงานต่อ ป.ป.ช., สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(กพ.) และที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนทางราชการต่อไป
นายกรณ์ กล่าวว่า ในระหว่างนี้จะแต่งตั้งให้นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รองปลัดกระทรวงฯ ทำหน้าที่รักษาการปลัดกระทรวงการคลังไปก่อนจนกว่าจะมีการแต่งตั้งปลัดคนใหม่ โดยจะพิจารณาว่าจำเป็นต้องโยกย้ายผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงคลังในระดับอื่นอีกหรือไม่ เพราะอาจจะต้องแต่งตั้งรองปลัดกระทรวงการคลังมาแทนตำแหน่งที่ว่างลง ในขณะที่ภายในสิ้นปีงบประมาณ 52 นี้ จะมีข้าราชการระดับสูงของกระทรวงการคลังเกษียณอายุราชการอีกหลายตำแหน่ง
รมว.คลัง กล่าวว่า จากที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีมา 4 เดือน มีความประทับใจในการทำงานร่วมกับนายศุภรัตน์ เพราะได้เห็นถึงความตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่อีกทั้งยังให้คำเสนอแนะในการทำงานมาโดยตลอด
อย่างไรก็ดี รมว.คลัง ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นถึงการเชิญนายศุภรัตน์ เข้ามาร่วมงานทางการเมือง โดยกล่าวเพียงว่านายศุภรัตน์ ถือเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถที่จะนำไปใช้ประโยชน์ในวงการอื่นๆ ได้ ซึ่งเรื่องนี้ต้องให้เวลานายศุภรัตน์ได้พิจารณาด้วยตัวเอง