สวนสัตว์ในเยอรมนี 2 แห่งต้องมามีข้อพิพาททางกฎหมายกัน เพราะเจ้า "คนุท" หมีขั้วโลกผู้โด่งดังและเป็นขวัญใจของทั่วโลก หลังจากที่แม่ของคนุทไม่ยอมเลี้ยงลูกของตัวเอง จนเจ้าหน้าที่ต้องเอามาเลี้ยง โดยสวนสัตว์นูมุนสเตอร์ ซึ่งเป็นเจ้าของคนุทโดยถูกกฎหมายกำลังเรียกร้องให้สวนสัตว์เบอร์ลิน ซึ่งเป็นบ้านเกิดที่คนุทลืมตามาดูโลกและอาศัยอยู่ที่สวนสัตว์แห่งนี้จนถึงปัจจุบัน จ่ายส่วนแบ่งกำไรจากชื่อเสียงของเจ้าคนุทมาให้กับสวนสัตว์นูมุนสเตอร์บ้าง
ขณะที่สวนสัตว์เบอร์ลินเองเคยยื่นข้อเสนอซื้อตัวคนุทมาแล้ว แต่ไม่ได้เสนอราคาสูงเป็นที่ถูกใจ จึงไม่มีข้อตกลงในการซื้อขายเกิดขึ้น โดยศาลในกรุงเบอร์ลินได้สั่งให้สวนสัตว์ทั้ง 2 แห่งหาข้อยุติให้ได้ภายในวันที่ 13 มิ.ย.นี้
เดิมทีนั้น สวนสัตว์นูมุนสเตอร์ได้ให้สวนสัตว์เบอร์ลินยืมตัว "ลาร์ส" พ่อของคนุทเมื่อปี 2542 ภายใต้ข้อตกลงที่ว่า ลูกหมีตัวแรกที่ได้จากการผสมพันธุ์ครั้งนี้จะต้องตกมาเป็นของสวนสัตว์นูมุนสเตอร์ แต่เจ้าคนุทซึ่งลืมตามาดูโลกเมื่อปี 2551 และได้เจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์เป็นผู้เลี้ยงเพราะแม่ของมันทิ้งลูกนั้น ได้กลายมาเป็นดาวเด่นของเบอร์ลิน และหลายฝ่ายไม่ต้องการให้คนุทย้ายออกจากเมืองไปอยู่ที่อื่น
บีบีซีรายงานว่า เจ้าคนุทซึ่งเติบโตเต็มที่แล้วนั้น เป็นแหล่งโกยรายได้ของสวนสัตว์เบอร์ลิน สินค้าทุกอย่างที่เกี่ยวกับคนุทไม่ว่าจะเป็นของเล่น จิ๊กซอว์ไปจนถึงเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือก็ขายดิบขายดี นอกจากนี้ คนุทยังดึงดูดให้มีผุ้เข้ามาเยี่ยมชมสวนสัตว์เพิ่มขึ้นหลานพันคน ในปี 2551 เพียงปีเดียว หมีขั้วโลกผู้โด่งดังตัวนี้สามารถทำรายได้กว่า 5 ล้านยูโร หรือ 6.3 ล้านดอลลาร์ให้กับสวนสัตว์เบอร์ลิน
สวนสัตว์เบอร์ลินเคยเสนอซื้อคนุทเป็นเงิน 350,000 ยูโร แต่สวนสัตว์นูมุนส์เตอร์ต้องการค่าตัวสูงกว่านั้น 2 เท่า และเรียกร้องให้มีการเปิดเผยตัวเลขที่แน่นอนว่า คนุทสามารถทำเงินให้กับสวนสัตว์ไปแล้วเท่าไรอีกด้วย
อาร์น สตราสเมย์ ทนายความของสวนสัตว์นูมุนสเตอร์ กล่าวว่า สวนสัตว์ทั้ง 2 แห่งได้เจรจาร่วมกันมาโดยตลอดและยังต้องการที่จะพูดจากันในเรื่องนี้ต่อไป และไม่ต้องการให้เกิดสถานการณ์ที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง