H1N1 FLU: WHO สนับสนุนงบ 70 ลบ.ให้ไทยใช้ผลิตวัคซีนหวัดสายพันธุ์ใหม่

ข่าวทั่วไป Wednesday May 20, 2009 16:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

องค์การอนามัยโลก(WHO)สนับสนุนเงิน 70 ล้านบาท เพื่อให้องค์การเภสัชกรรม(อภ.)ใช้ผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่จากเชื้อชนิดเป็น เพื่อเตรียมความพร้อมไว้รับมือหากเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อดังกล่าวในอนาคต

"ที่ผ่านมาแหล่งผลิตส่วนใหญ่อยู่ที่ยุโรปและอเมริกาเหนือ จึงต้องมีการเตรียมการผลิตวัคซีนในแถบเอเชียด้วย โดยไทยได้รับการสนับสนุนจากองค์การอนามัยโลกจำนวน 2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 70 ล้านบาท เป็นปีที่ 2 เป็นเวลา 1 ปี ตั้งแต่เดือนเมษายน 52 สิ้นสุดโครงการวันที่ 30 เมษายน 53 เพื่อให้องค์การเภสัชกรรมผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดเชื้อเป็น ขณะที่ปัจจุบันนี้ไทยผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลได้จากเชื้อตายเท่านั้น" นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข กล่าว

วันนี้ นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม(อภ.) และ นพ.ศิริวัฒน์ ทิพธราดล รองปลัดสาธารณสุข ได้ลงนามร่วมกับ ดร.แมรี่ พอล คีนีย์ ผู้อำนวยการด้านการวิจัยวัคซีน และ ดร.เดซี่ มาฟูบีลู รองผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก เพื่อให้ อภ.สามารถใช้สายพันธุ์เชื้อเป็น และข้อมูลในการพัฒนาการวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009

รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างประเทศไทยกับองค์การอนามัยโลกนับเป็นก้าวสำคัญที่จะได้อาวุธสำคัญในการต่อสู้กับโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ทำให้ระบบการสาธารณสุขของไทยมีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น โดยสามารถผลิตวัคซีนขึ้นใช้ได้เองในประเทศ และผลิตให้องค์การอนามัยโลกนำไปช่วยเหลือประเทศที่ประสบปัญหา โดยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ แม้จะอัตราตายจะต่ำเพียง 0.86% แต่ติดต่อกันระหว่างคนสู่คนง่าย จึงแพร่ระบาดไปอย่างรวดเร็วข้ามไปยังประเทศในภูมิภาคต่างๆ

ด้าน นพ.วิทิต กล่าวว่า โครงการผลิตวัคซีนที่องค์การอนามัยโลกให้การสนับสนุนนี้จะใช้โรงงานที่ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างในเดือน ก.ย.นี้ และใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 18 เดือน คาดจะเริ่มผลิตได้ในปี 55 กำลังการผลิตรองรับการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ได้ปีละกว่า 60 ล้านโดส และผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลปีละ 10 ล้านโดส

สำหรับสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ H1N1 ล่าสุดองค์การอนามัยโลกรายงานเมื่อเช้าว่า มีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อใน 40 ประเทศ รวมผู้ป่วยทั้งสิ้น 9,830 ราย เสียชีวิต 79 ราย(เม็กซิโก 72 ราย สหรัฐอเมริกา 5 ราย แคนาดา 1 ราย และคอสตาริกา 1 ราย) และยังไม่มีประเทศใหม่ที่รายงานผู้ป่วยรายแรก ส่วนประเทศไทยคงมีผู้ป่วยยืนยัน 2 รายเท่าเดิม และวันนี้มีผู้ป่วยในข่ายเฝ้าระวังที่อยู่ระหว่างการสอบสวนหรือกำลังดำเนินการตรวจทางห้องปฏิบัติการ 22 ราย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ