ออสเตรเลียได้อพยพประชาชน 5,000 คน ออกจากบริเวณชายฝั่งของรัฐนิวเซาท์เวลส์ที่ประสบอุทกภัยอย่างหนักแล้ว หลังจากที่สภาพอากาศที่รุนแรงทำให้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักจนน้ำท่วมในรัฐทางตะวันออกของประเทศ และยังส่งผลกระทบต่อท่าเรือส่งออกถ่านหินที่ใหญ่ที่สุดของโลกด้วยเช่นกัน
สำนักงานบริการฉุกเฉินระบุว่า ระดับน้ำจะสูงขึ้นในวันนี้ เนื่องจากฝนยังตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ประชาชนต้องพากันหนีออกจากเมืองลิสมอร์หลังจากที่มีน้ำฝนตกลงมาสะสมสูงถึง 8 นิ้วภายในระยะเวลา 33 ชั่วโมงที่ผ่านมา
บลูมเบิร์กรายงานว่า โทนี่ คิวเทล โฆษกของสำนักงานบริการฉุกเฉินกล่าวว่า ดูเหมือนว่า สถานการณ์จะเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ ท่าเรือนิวคาสเซิลสั่งห้ามนำเรือเข้าและออกจากท่า โดยมีเรือที่กำลังรอเทียบท่าอยู่ถึง 32 ลำหลังจากเกิดเหตุฝนตกหนัก
ทั้งนี้ สภาพอากาศที่มีความรุนแรงขึ้นนั้นไล่ลงมายังรัฐควีนส์แลนด์ ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศและเกิดเหตุน้ำท่วมหนักจนทำให้สายไฟฟ้าพังและต้นไม้โค่นลงมาทับสายไฟฟ้า ประชาชนกว่า 30,000 ครัวเรือนไม่มีไฟฟ้าใช้ ส่วนภาคธุรกิจในควีนส์แลนด์ก็ได้รับผลกระทบอย่างหนัก
ปีนี้ ออสเตรเลียต้องเผชิญกับภัยน้ำท่วมและไฟป่าอย่างหนัก หลังจากที่สภาพอากาศแปรปรวนทั่วประเทศ โดยมีผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วมในควีนส์แลนด์ไปแล้ว 9 ราย ขณะที่เหตุไฟไหม้ป่าครั้งใหญ่ในรัฐวิคตอเรียก็ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 173 ราย
ท่าเรือนิวคาสเซิล ซึ่งบริษัทเหมืองรายใหญ่ของประเทศใช้งานอยู่ ไม่ว่าจะเป็นบริษัท ริโอ ทินโต เอ็กซ์ตราต้า และบีเอชพี บิลลิตันนั้น ได้ปรับลดคาดการณ์การส่งออกถ่านหินในปีนี้ลงแล้ว 10% สัปดาห์นี้ โดยสาเหตุส่วนหนึ่งก็เนื่องมาจากปัญหาการขนส่งที่เกิดขึ้นหลังจากเกิดพายุในพื้นที่