กรรมาธิการยุโรปด้านการต่างประเทศและนโยบายประเทศเพื่อนบ้าน เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เร่งรัดการเจรจาจัดทำกรอบความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือไทย-ประชาคมยุโรป(Partnership and Cooperation Agreement:PCA) ซึ่งคั่งค้างมาตั้งแต่ปี 2548 เพื่อใช้เป็นกลไกหลักในการดำเนินความสัมพันธ์ทวิภาคีในอนาคต
"หากทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุการเจรจาและลงนามกรอบความตกลง PCA ได้ ซึ่งกรรมาธิการยุโรปฯ ได้ขอให้นายกรัฐมนตรีช่วยดูแลในบางประเด็นที่ยังคงติดขัดด้วย" เอกสารเผยแพร่ของสำนักโฆษก ระบุ
ช่วงเช้าที่ผ่านมา นางเบนิตา เฟอร์เรโร-วาล์ดเนอร์ กรรมาธิการยุโรปด้านการต่างประเทศและนโยบายประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีฐานะเทียบเท่า รมว.ต่างประเทศ เดินทางเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล
ทั้งสองฝ่ายได้หารือกันถึงวิกฤตการเงินโลก โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วิกฤตการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อภาคการค้า การส่งออก และการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินมาตรการที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และในโอกาสที่ได้ไปร่วมการประชุม London Summit ในฐานะประธานอาเซียนก็ได้ยืนยันต่อที่ประชุมถึงเรื่องการต่อต้านระบบคุ้มครองอุตสาหกรรมภายในประเทศโดยการจัดเก็บภาษีอากรขาเข้าสูงสำหรับสินค้าที่เป็นคู่แข่ง(Protectionism) ซึ่งกรรมาธิการยุโรปฯ ก็เห็นพ้องกับแนวทางดังกล่าว และในโอกาสนี้กรรมาธิการยุโรปฯ ได้แสดงความห่วงใยเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศไทยและแสดงความเสียใจที่การประชุม ASEAN Summit and Related Summits ที่พัทยาต้องเลื่อนออกไปและหวังว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่กระทบต่อการดำเนินงานของ ASEAN-EU ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงว่า ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยมีความเห็นที่แตกต่างกันทางการเมือง แต่รัฐบาลมีแนวทางที่จะหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่จะนำไปสู่ความรุนแรงในสังคม และดำเนินการตามหลักสันติวิธี