เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ครั้งที่ 62 ซึ่งดำเนินมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 13 พ.ค. ที่ผ่านมา ได้ปิดม่านไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อคืนวันที่ 24 พ.ค. ตามเวลาของประเทศฝรั่งเศส เมื่อภาพยนตร์เรื่อง "The White Ribbon" ของผู้กำกับชาวออสเตรีย Michael Haneke ได้รับการประกาศให้เป็นผู้ชนะรางวัลปาล์มทองคำ (Palme d'Or) ซี่งเป็นรางวัลสูงสุดของเทศกาลหนังที่เก่าแก่ที่สุดงานหนึ่งของโลก
งานในปีนี้ได้ถูกลดทอนความหรูหราอลังการลง เนื่องด้วยวิกฤตเศรษฐกิจที่ลุกลามแผ่ขยายไปทั่วโลกไม่เว้นแม้แต่ชายหาดเฟรนช์ ริเวียร่า สถานที่พักตากอากาศของบรรดาไฮโซ ซึ่งเธียร์รี เฟรโมซ์ ผู้อำนวยการของเทศกาลฯ ก็หวังว่าจะเป็นโอกาสอันดีที่ทำให้ทุกสายตาหันมาให้ความสนใจที่ตัวภาพยนตร์ แทนที่จะไปจับจ้องที่ดารานักแสดง งานปาร์ตี้และงานเลี้ยงฉลองอันฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย
แต่เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ก็ยังคงเสน่ห์อันเป็นแบบฉบับได้อยู่วันยังค่ำ เพราะปรากฏว่างานในปีนี้ก็มีสีสันไม่แพ้ปีที่ผ่านๆมา ด้วยอานุภาพของผู้กำกับและนักแสดงชื่อดังที่เดินทางไปโปรโมทหนังเรื่องใหม่ ตลอดจนเหล่าเซเลบริตี้ระดับ A-list ที่ร่วมปรากฏกายเฉิดฉายบนพรมแดง
สีสันแรกของเทศกาลหนังเมืองคานส์ปีนี้เริ่มตั้งแต่ภาพยนตร์ที่ได้รับเลือกให้ฉายเปิดงาน ซึ่งได้แก่ ภาพยนตร์แอนิเมชั่น 3 มิติ เรื่อง “UP ปู่ซ่าบ้าพลัง" ของ ดิสนีย์-พิกซาร์ ถือเป็นอะไรที่แปลกแหวกแนวเพราะเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องแรกที่ได้รับเลือกให้ไปฉายเปิดงานนับตั้งแต่ที่มีการจัดเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์มา 62 ปี ทำให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญในวงการมองว่านี่อาจเป็นการจุดประกายความหวังและสะท้อนให้เห็นถึงอนาคตของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ดิจิตอลและภาพยนตร์ 3 มิติก็เป็นได้
ภาพยนตร์การ์ตูนทุนสร้าง 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐและใช้เวลาสร้างนาน 4 ปีเรื่องนี้ เปิดฉายรอบปฐมทัศน์ที่เทศกาลหนังเมืองคานส์ปีนี้ โดยผู้ชมรอบปฐมทัศน์ได้สวมแว่น 3 มิติเพื่อชมภาพยนตร์เรื่องที่ 10 จากค่ายพิกซาร์ ซึ่งเล่าเรื่องราวของชายขายลูกโป่งวัย 78 ปี และลูกเสือตุ้ยนุ้ยวัย 8 ขวบ ที่ผูกลูกโป่งลอยได้ให้บ้านเหินฟ้า แล้วเดินทางผจญภัยข้ามทวีปไปไกลถึงละตินอเมริกา และผลลัพธ์ที่ได้ก็คือเสียงปรบมืออย่างกึกก้องเมื่อหนังจบ นับเป็นการเปิดเทศกาลฯที่ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นและน่าประทับใจไม่น้อย
ก่อนจะถึงจุดไคลแมกซ์ของงานซึ่งก็คือการประกาศผลผู้ชนะรางวัลปาล์มทองคำในวันสุดท้าย ในระหว่างนี้ ความสนใจของสื่อมวลชนและแฟนหนังทั่วโลกก็พุ่งตรงไปที่เหล่านักแสดงและคนดังจากทั่วโลก โดยเฉพาะดาราสาว ที่ตบเท้ามาร่วมประชันชุดสวยกันบนพรมแดงอย่างไม่มีใครยอมน้อยหน้าใคร
สำหรับดาราและเซเลบริตี้ที่ไปปรากฏกายในเทศกาลฯปีนี้ ก็มีทั้ง เพเนโลเป ครูซ ดาราสาวชาวสเปน เจ้าของรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมปีล่าสุด ซึ่งมาร่วมเปิดตัวหนัง Broken Embraces ที่เธอร่วมแสดง โดยเธอสวยสง่าในชุดเดรสสีม่วงหวานของแบรนด์ Marchesa ขณะที่ชารอน สโตน มาในชุดเดรสสั้นเหนือเข่าสีดำแต่ด้านหลังทิ้งชายบานยาวคล้ายหางปลาจากแบรนด์ Balmain
แต่รายที่สะกดสายตาจากสื่อมวลชนทุกสำนักที่ไปทำข่าวได้มากที่สุด คงหนีไม่พ้น แองเจลินา โจลี ซึ่งสวมชุดผ้าชีฟองสีนู้ดสุดเซ็กซี่ของแบรนด์ Versace เคียงข้างให้กำลังใจสามีสุดหล่อ แบรด พิตต์ ที่ไปโปรโมท Inglourious Basterds ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของเขา พร้อมกับผลพลอยได้เป็นการสยบข่าวรักร้าวเตียงหักที่ชักจะมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างหนาหูขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากดาราจากฟากฝั่งฮอลลีวูดที่คอหนังทั่วโลกค่อนข้างจะคุ้นและชินตาแล้ว งานนี้ยังเป็นเวทีให้เหล่าดาราจากยุโรปและเอเชียได้อวดโฉมเช่นกัน ที่เรียกเสียงฮือฮาได้มากที่สุดก็คือการควงแขนกันเข้างานในชุดราตรีสีแดงราวกับนัดกันมาของสองนางเอกดาวค้างฟ้าแห่งวงการภาพยนตร์ยุโรป โมนิกา เบลลุชชี จากอิตาลี และ โซฟี มาร์โซ จากฝรั่งเศส เพื่อร่วมเปิดตัวหนังเรื่อง Ne te retourne pas ที่ทั้งคู่ได้ร่วมงานกันเป็นครั้งแรก
ข้างดาราสาวเอเชียก็ไม่น้อยหน้า นำทัพโดย มิเชล โหยว นักแสดงชาวมาเลเซียซึ่งสวยเด่นไม่แพ้นางเอกฮอลลีวูด ด้วยชุดราตรียาวเกาะอกของแบรนด์ Roberto Cavalli ในขณะที่ ซูฉี นักแสดงสาวขวัญใจหนุ่มๆทั่วเอเชียซึ่งได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในกรรมการตัดสินรางวัลปาล์มทองของปีนี้ ก็สวยเก๋ในชุดราตรียาว คว้านลึกและเปลือยหลังจากแบรนด์ Roberto Cavalli เช่นกัน
แต่ละปีจะมีหนังจากทั่วโลกได้รับเลือกจากคณะกรรมการให้มาร่วมเปิดตัวหรือฉายรอบปฐมทัศน์ที่เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ สำหรับภาพยนตร์ที่เป็นที่จับตามากที่สุดเรื่องหนึ่งในปีนี้คือ The Imaginarium of Doctor Parnassus ผลงานเรื่องสุดท้ายของ ฮีธ เลดเจอร์ พระเอกผู้ล่วงลับ โดยหนังแนวแฟนตาซีของผู้กำกับ เทอร์รี่ กิลเลี่ยม เกือบถูกลืมและไม่ได้รับการสานต่อจนจบ เนื่องจากพระเอกชาวออสเตรเลียมาเสียชีวิตอย่างกะทันหันในช่วงที่หนังยังอยู่ระหว่างการถ่ายทำ อย่างไรก็ดี ด้วยความช่วยเหลือของพระเอกแถวหน้า จอห์นนี่ เด็ป จู๊ด ลอว์ และ โคลิน ฟาร์เรล ที่มารับช่วงถ่ายทอดบทบาท โทนี่ ที่ ฮีท แสดงค้างเอาไว้ ในรูปแบบที่ต่างกันออกไป ก็ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถมาร่วมฉายรอบปฐมทัศน์ในงานเทศกาลหนังเมืองคานส์ประจำปีนี้ได้ในที่สุด
The Imaginarium of Doctor Parnassus ถ่ายทอดเรื่องราวแนวแฟนตาซีของเจ้าของคณะละครสัตว์ที่สัญญากับปิศาจว่าจะยกลูกสาวสุดที่รักให้เมื่อเธออายุ 16 ปีเพื่อแลกกับชีวิตอมตะ แต่เมื่อใกล้เวลาเข้าจริงๆ เขาเปลี่ยนใจและขอความช่วยเหลือจาก โทนี่ ให้ช่วยปกป้องลูกสาวของเขาจากปิศาจร้าย
ภาพยนตร์ที่ได้รับสียงชื่นชมจนได้รับเลือกให้มาร่วมฉายในเทศกาลฯ คือ Precious: Based on the Novel Push by Sapphire หนังอินดี้ของผู้กำกับลี แดเนียล เรื่องราวของเด็กสาวอายุ 16 ปีที่ถูกพ่อแท้ๆข่มขืนจนตั้งท้องถึง 2 ครั้ง แต่เธอก็มีความหวังว่าชีวิตจะดีขึ้นหลังได้เข้าเรียนในโรงเรียนแห่งใหม่ โดย Precious เคยได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้นหลามมาแล้วจากการฉายเปิดตัวในเทศกาลหนังซันแดนซ์ โดยเฉพาะการแสดงของมารายห์ แคร์รี่ นักร้องสาวระดับดีวาที่ขอพักไมค์ชั่วคราวเพื่อมารับบทนักสังคมสงเคราะห์ ที่เธอทุ่มสุดตัวถึงขนาดไม่แต่งหน้าเพื่อเข้าถึงบทบาทของตัวละคร จนสามารถลบคำประสบประมาทของนักวิจารณ์ที่มองว่าเธอไม่สามารถเอาดีด้านการแสดงได้ หลังจากล้มเหลวไม่เป็นท่ากับหนังเรื่อง Glitter เมื่อปี 2001
เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ครั้งที่ 62 นี้ “หนังไทย" ของเราก็ได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับเขาด้วย โดย “นางไม้" หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า Nymph ของผู้กำกับ เป็นเอก รัตนเรือง ได้รับเลือกให้เข้าประกวดในกลุ่ม “Un Certain Regard" หรือ หนังที่น่าจับตามอง ซึ่งนับเป็นผลงานหนังเรื่องที่สองของเป็นเอกที่ได้รับเลือกอย่างเป็นทางการเข้าฉายในคานส์ หลังจากที่ "พลอย" เคยได้เข้าร่วมเทศกาลฯเมื่อปี 2007 ในสาย “Director's Forthnight" หรือผลงานที่เน้นเอกลักษณ์โดดเด่นของผู้กำกับ
โดยการประกวดในสาย Un Certain Regard ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับที่ภาพยนตร์เรื่อง สุดเสน่หา (Blissfully Yours) ของอภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล เคยคว้ารางวัลมาครองได้เมื่อปี 2002 นั้น มีภาพยนตร์จากทั่วโลกส่งเข้าประกวดนับพันเรื่อง แต่จะถูกคัดให้เหลือเพียง 20 เรื่องเท่านั้นเพื่อเข้าฉายในเทศกาลฯ
และแล้วเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ก็เดินทางมาถึงวันสุดท้าย ด้วยไฮไลท์สำคัญคือการประกาศผลรางวัลปาล์มทองคำ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในรางวัลทรงเกียรติที่สุดรางวัลหนึ่งในวงการภาพยนตร์โลก
คณะกรรมการตัดสินรางวัลปาล์มทองสำหรับหนังในสายประกวดหลัก (Main Compettition) ปีนี้มี อิซาแบล อูแปร์ นักแสดงหญิงชาวฝรั่งเศส เป็นประธานกรรมการ โดยคณะกรรมการทั้ง 8 ท่านจะตัดสินเพื่อหาผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียวจากภาพยนตร์ทั้งสิ้น 20 เรื่อง
สำหรับภาพยนตร์ที่ได้สิทธิ์ลุ้นรางวัลปาล์มทองคำในปีนี้ มีผลงานของผู้กำกับ “ขั้นเทพ" ของวงการหนังโลกหลายเรื่อง นำขบวนโดยผู้กำกับหน้าเก่าที่เคยคว้ารางวัลในเทศกาลนี้มาแล้ว รวมถึง เควนติน ทาแรนติโน ที่มาพร้อมกับผลงาน Inglourious Basterds หนังย้อนยุคสงครามโลกครั้งที่สอง นำแสดงโดย แบรด พิตต์ แซมวล แอล แจ๊คสัน และไมค์ ไมเออร์ส โดยเป็นหนังอเมริกันเรื่องเดียวที่มีสิทธิชิงรางวัลปาล์มทองคำปีนี้
ขณะที่ผู้กำกับชาวนิวซีแลนด์ เจน แคมเปี้ยน ซึ่งเป็นผู้กำกับหญิงคนแรกที่คว้าปาล์มทองหนังยอดเยี่ยมเมื่อปี 1992 จากเรื่อง The Piano ในปีนี้ นำเสนอหนังใหม่ Bright Star ว่าด้วยเรื่องรักของ จอห์น คีตส์ กวีโรแมนติกในศตวรรษ 19
เปโดร อัลโมโดวาร์ ผู้กำกับชาวสเปน นำเสนอภาพยนตร์เชิดชูสตรี Broben Embraces ที่ได้นางเอกคู่บุญดีกรีออสการ์ เพเนโลเป ครูซ มาแสดงนำ
ด้านอดีตผู้ชนะรางวัลปาล์มทองคำอีกคนอย่าง เคน โลช นักสร้างหนังชาวอังกฤษ ก็พาหนัง Looking for Eric นำแสดงโดย เอริค กองโตนา นักเตะชาวน้ำหอม อดีตดาวดังทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่แสดงเป็นตัวเองในบทฮีโร่ที่ชีวิตพลิกผัน
ลาร์ส วอน ทริเยร์ ผู้กำกับเดนมาร์ก วัย 53 ปี ผู้ชนะรางวัลปาล์มทองในปี 2000 จาก Dancer in the Dark ปีนี้มาพร้อมกับหนังแรงสุดอื้อฉาว Antichrist ซึ่งได้รับทั้งเสียงปรบมือและเสียงโห่ในระหว่างการฉายรอบปฐมทัศน์ โดยหนังเสนอความรุนแรงหลายฉาก รวมทั้งเซ็กซ์อย่างโจ่งแจ้ง
ผู้กำกับต้นตระกูลหนังคลื่นลูกใหม่ของฝรั่งเศส (French New Wave) อย่าง อแลง เรส์แนส์ ในวัย 87 ส่งผลงาน Les Herbes Folles (Wild Grasses) ร่วมชิงชัย
หนังอิตาลี Vincere ของมาร์โก เบลล็อกคิโอ นำเสนอเรื่องราวของบุตรชายนอกสมรสของผู้นำเผด็จการ เบนิโต มุสโซลินี
ข้ามมาที่ผู้กำกับชาวเอเชียกันบ้าง นำโดย อังลี่ ผู้กำกับไต้หวันเจ้าของรางวัลออสการ์จาก Brokeback Mountain นำเสนอหนังย้อนยุคบุปผาชนกับเทศกาลดนตรีในภาพยนตร์เรื่อง Taking Woodstock
ปาร์ค ชาน วุก ผู้กำกับเกาหลีใต้ ที่เคยนำผลงานเรื่อง Old Boy ไปคานส์มาแล้วเมื่อปี 2004 ปีนี้กลับมาอีกครั้งกับเรื่อง Thirst หนังรักนักบวชกลายร่างเป็นแวมไพร์ ที่เต็มไปด้วยฉากเลือดสาดและความรุนแรงตามสไตล์ของเขา
และที่กลับมาอีกเช่นกัน ก็คือ หลูเหย่ ซึ่งยังไม่เข็ดหลังจากถูกทางการจีนสั่งห้ามทำหนังหรือฉายหนังในจีนแผ่นดินใหญ่นาน 5 ปีจากกรณีส่ง Summer Palace ไปฉายในเทศกาลหนังเมืองคานส์ปี 2005 โดยไม่ผ่านเซ็นเซอร์ของรัฐบาลจีนก่อน โดยในปีนี้เขากลับมาใหม่กับหนังอีโรติกแนวถนัดเรื่อง Spring Fever ซึ่งท้าทายทางการจีนอีกครั้ง ด้วยเรื่องรัก 3 เส้าระหว่าง 1 หญิง 2 ชาย
นอกจากนี้ ยังมีผลงานของผู้กำกับชื่อดังรองลงมา อย่าง จอห์น ตู้ฉีฟ่ง กับหนังอาชญากรรม Vengeance ไช่ มิ่ง เลี่ยง ผู้กำกับชาวมาเลเซียที่ได้ทุนสร้างหนังเรื่อง Visages (Face) และบริลเลนเต้ เมนโดซ่า จากฟิลิปปินส์ที่ส่ง Kinatay เข้าประกวด
ผลปรากฏว่า ผลงานที่กล่าวถึงข้างต้นไม่มีเรื่องไหนชนะใจคณะกรรมการเท่ากับเรื่อง The White Ribbon ภาพยนตร์ขาวดำภาษาเยอรมัน ของ มิคาเอล ฮาเนเก้ จากออสเตรีย ที่เล่าเรื่องถึงยุคยุโรปตกอยู่ในอำนาจของพวกฟาสซิสต์ในยุคต้นศตวรรษที่ 20 หรือช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งจะเรียกว่าพลิกล็อกหรือหักปากกาเซีนเล็กๆ ก็ได้ เนื่องจากสามารถเบียดแซงตัวเต็งอย่าง Inglourious Basterds หนังเรื่องใหม่ของทาแรนติโนที่แฟนหนังทั่วโลกรอคอยไปได้
สำหรับรางวัลใหญ่อื่นๆ ในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ปีนี้ รวมถึง รางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม บริลเลียนเต้ เมนโดซ่า จากฟิลิปปินส์ กับ ภาพยนตร์เรื่อง Kintay รางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยม ตกเป็นของ คริสทอฟ วอลทซ์ ดาราออสเตรียจากบทบาททหารนาซีในภาพยนตร์เรื่อง Inglourious Basterds ขณะที่ชาล็อต เกนส์บวร์ก คว้ารางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง Antichrist
และแม้ว่า “นางไม้" จะไม่ได้รับรางวัลติดไม่ติดมือกลับบ้าน แต่ก็มีข่าวให้ชาวไทยได้ดีใจและภาคภูมิใจ เมื่อ ภาพยนตร์สั้นความยาว 10 นาทีเรื่อง Revenge Tragedies โดยผู้กำกับ พรพัชญา สุพรรณรัตน์ นักศึกษาไทย อายุ 24 ปี ได้รับรางวัล Best Student Film ในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 2009 ด้วย
ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่า เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ปีนี้จะช่วยผลักดันให้หนังเรื่องใดก้าวไปประสบความสำเร็จในเทศกาลหนังหรือเวทีประกวดภาพยนตร์อื่นๆ หรือไม่