วงในเชื่อปัญหาข้าวบานปลายสู่ประเด็นการเมืองเพิ่มรอยร้าวพรรคร่วมรัฐบาล

ข่าวทั่วไป Tuesday May 26, 2009 18:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.)วันนี้ยังไม่มีการพิจารณาเรื่องการระบายข้าวในสต็อกของรัฐตามที่ภาคเอกชนผู้ส่งออกชนะประมูลไปแล้วทั้งหมด 17 ราย ปริมาณข้าวรวมกว่า 2 ล้านตัน ขณะที่กระแสความแตกร้าวภายในพรรคร่วมรัฐบาลระหว่างนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี จากพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กับนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ จากพรรคภูมิใจไทย(ภท.) เริ่มปรากฎภาพที่ชัดเจนขึ้นอีกครั้ง

แหล่งข่าว มองว่า ขณะนี้ปัญหาเรื่องการระบายข้าว ตลอดจนสินค้าเกษตรชนิดอื่นๆ กลายเป็นประเด็นทางการเมืองไปแล้ว โดยที่ประชุมครม.มีมติมอบหมายให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง, นายกอร์ปศักดิ์, นางพรทิวา , นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง และนายอำพน กิตติอำพล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) ร่วมกันพิจารณาหลักเกณฑ์การระบายสินค้าเกษตรให้มีความชัดเจนมากขึ้นทั้งในการกำหนดราคาและวิธีการระบายสินค้า และนำกลับมาเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอีกครั้งในสัปดาห์หน้า

จากภาวะดังกล่าวส่งผลให้ผู้ส่งออกข้าว 17 รายที่ชนะประมูลยังไม่สามารถขนย้ายข้าวออกจากโกดังสินค้าเพื่อเตรียมส่งมอบให้แก่ผู้ซื้อจากต่างประเทศได้ อีกทั้งยังไม่แน่ว่าสัญญาดังกล่าวอาจต้องชะลอออกไปหรืออาจถึงขั้นยกเลิกก็เป็นได้

"ตอนนี้เรื่องข้าวดูจะเป็นประเด็นทางการเมืองไปแล้ว เพราะการให้นายสุเทพ ซึ่งไม่ได้มีความชำนาญเรื่องเศรษฐกิจลงมาช่วยดูแลเรื่องนี้ ก็เหมือนกับช่วยเป็นกาวใจให้ระหว่างนายกอร์ปศักดิ์กับนางพรทิวา...เรื่องสัญญาข้าวที่ผู้ส่งออกชนะประมูลไปแล้ว ตอนนี้ไม่แน่ใจว่าต้องชะลอไปก่อน หรือว่าอาจจะยกเลิก ต้องรอดูสัปดาห์หน้า" แหล่งข่าว ระบุ

อนึ่ง เมื่อวันที่ 21 พ.ค.องค์การคลังสินค้า(อคส.)ได้แจ้งต่อผู้ส่งออกที่ชนะประมูลซื้อข้าวในสต็อกของรัฐว่าให้ระงับการขนข้าวออกจากโกดัง โดยให้รอมติคณะรัฐมนตรีวันนี้ก่อน ซึ่งการชะลอการขนย้ายข้าวทำให้ผู้ส่งออกต่างไม่พอใจ เพราะต้องเลื่อนเวลาส่งมอบทั้งๆ ที่มีเรือมารอรับสินค้าแล้วและทำให้เสียเครดิตแก่ลูกค้าด้วย

ด้านแหล่งข่าวอีกรายหนึ่ง กล่าวงว่า การแต่งตั้งนายสุเทพ และนายประดิษฐ์เข้ามาร่วมเป็นกรรมการในการวางกรอบเป็นแนวทางในอนาคตของสินค้าเกษตรไม่เฉพาะเรื่องข้าว เป็นการให้ไปเคลียร์ปัญหากันเองไม่เกี่ยวกับคณะกรรมการะบายข้าวที่รัฐบาลที่ผ่านมามีมติไปแล้วหรือคณะอนุกรรมการชุดที่นายกอร์ปศักดิ์ ได้แต่งตั้งขึ้นที่ยังมีหน้าที่ในการระบายสินค้าเกษตรทุกชนิด รวมไปถึงข้าว ดังนั้นขณะนี้ไม่มีการยกเลิกอะไรทั้งสิ้น แต่แค่ให้นายสุเทพ เข้ามาเป็นตัวกลางเท่านั้น

"บางเรื่องยังคงมีปัญหา นายสุเทพ ก็คงจะเข้าไปกำหนดกรอบใหม่ เป็นเรื่องที่ 3-4 คน ต้องไปวางแผนกันทั้งเรื่องการกำหนดราคา วิธีการระบายสินค้าในอนาคต นายกฯ ก็ขอให้หารือให้เสร็จและมาเสนอ ครม.ในสัปดาห์หน้า เพราะสินค้าเกษตรอาจจะเสื่อมสภาพ" แหล่งข่าว กล่าว

ที่ประชุมครม.วันนี้ไม่มีวาระในการพิจารณาเรื่องปัญหาที่กระทรวงพาณิชย์มีมติให้ระบายข้าวในสต็อก 2.6 ล้านตัน รวมทั้งไม่มีการพูดถึงกรณีที่ภาคเอกชนจะฟ้องร้องกระทรวงพาณิชย์ ฐานทำให้เสียหายจากที่ไม่สามารถขนข้าวออกจากโกดังเพื่อส่งมอบให้แก่ประเทศผู้ซื้อได้ แม้รัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทยหลายคน เช่น นายชวรัตน์ ชาญนุกูล รมว.มหาดไทย, นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ก็ได้พยายามชี้แจงถึงความจำเป็นในการระบายสต็อกข้าวว่ามีปัญหาอย่างไร

โดยเฉพาะการอ้างถึงปัญหาที่ภาคเอกชนเตรียมฟ้องกระทรวงพาณิชย์ แทนนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ที่เป็นฝ่ายชี้แจงน้อยมาก ขณะที่นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ก็แสดงความเห็นกับประเด็นนี้เช่นกัน

แหล่งข่าว กล่าวว่า ระหว่างการประชุมนายสุเทพ และนายกอร์ปศักดิ์ เจรจากันสองคนบนโต๊ะประชุม คาดว่าจะเป็นการขอให้นายสุเทพเข้ามาเป็นคนกลางในความขัดแย้งกับนางพรทิวา ขณะที่นายสุเทพก็อาสาที่จะเข้ามาเป็นผู้เคลียร์ปัญหาด้วยเพราะมีตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์

นายสมพงษ์ กิติเรียงลาภ ประธานบริษัท พงษ์ลาภ จำกัด ผู้ชนะประมูลข้าวรายหนึ่ง กล่าวว่า อีก 2 วัน หาก อ.ค.ส.ไม่ให้บริษัทขนย้ายข้าว 30,000 ตัน ทั้งที่ได้จ่ายเงินไปแล้ว 600 ล้านบาท ก็จะแจ้งความเพิ่มเติมในพื้นที่คลังที่ได้ทำสัญญาไว้ 10 คลัง หลังจากที่วันนี้ได้แจ้งความฟ้องร้องหัวหน้าคลัง อ.ค.ส. ปทุมธานีแล้ว

ส่วนการตั้งนายสุเทพ ดูแลปัญหานั้น ตนไม่ขัดข้องแต่ต้องเร่งอนุมัติให้ขนย้ายข้าวที่ได้จ่ายเงินไปก่อนแล้วออกได้ เพราะต้องส่งมอบข้าวให้ผู้ซื้อตามกำหนด ส่วนข้าวที่ยังไม่ได้จ่ายเงินก็สามารถเจรจาต่อรองราคา โดยต้องทำให้เสร็จในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม หากผู้ซื้อต่างประเทศยกเลิกสัญญาซื้อ บริษัทจะเรียกค่าเสียหายจากรัฐ เพราะตอนนี้บริษัทต้องแบกรัฐภาระดอกเบี้ยเงินกู้ที่วางค้ำประกัน 5% เป็นเงินกว่า 1.2 ล้านบาทแล้ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ