นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า กล่าวว่า การหลบหนีคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถือว่าเข้าข่ายตามร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญาในการเพิ่มอายุความในกรณีที่ผู้กระทำความผิดแล้วหลบหนีคดี แต่ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่เรื่องนี้จะผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาได้
"ผู้ที่ศาลพิพากษาลงโทษคดีถึงที่สุดแล้ว และยังไม่ได้ตัวมาลงโทษ แม้จะเกินอายุความไปแล้ว แต่ไม่ถือว่าล่วงเลยระยะเวลาการลงโทษ...ถ้าถามตรงๆ กรณี พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าเกณฑ์นี้ แต่กว่าจะถึงสภาฯ เรื่องนี้ยาว" นายศุภชัย กล่าว
วันนี้ คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ในหลักเกณฑ์เกี่ยวกับอายุความของคดี ซึ่งต่อไปนี้ผู้ใดกระทำความผิดแต่ผู้นั้นยังไม่มารับโทษนับแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุด หรือนับแต่วันที่หลบหนี จะไม่ถือว่าล่วงเลยเวลาการลงโทษ ซึ่งผู้นั้นจะต้องถูกลงโทษในส่วนที่ยังไม่ได้รับหรือยังได้รับไม่ครบถ้วน
นายศุภชัย กล่าวด้วยว่า สาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว เป็นการปรับปรุงแก้ไขประมวลกฎหมายอาญาเพื่อให้การดำเนินคดีเกี่ยวกับการทุจริตของเจ้าพนักงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 96 แห่งประมวลกฎหมายอาญาในกรณีความผิดอันยอมความได้ ถ้าผู้เสียหายไม่ได้ร้องทุกข์ภายใน 6 เดือนจึงจะถือเป็นอันขาดอายุความ จากเดิมที่กำหนดไว้เพียงภายใน 3 เดือน
"เรื่องนี้สืบเนื่องมาจากในปัจจุบันผู้กระทำความผิดมักเป็นผู้มีอิทธิพล และมักหลบหนีกระบวนการยุติธรรม และการดำเนินตามตัวดำเนินคดีเป็นได้ด้วยความยากลำบาก จนทำให้บางคดีขาดอายุความไป" นายศุภชัย กล่าว