ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสั่งยกคำร้องกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยื่นคำร้องขออนุญาตให้ผู้รับมอบอำนาจแถลงเปิดคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทด้วยวาจา ซึ่งเดิมที่ศาลฎีกาฯ เคยมีคำสั่งก่อนหน้านี้ให้ พ.ต.ท.ทักษิณแถลงด้วยวาจา หากไม่สามารถดำเนินการได้ให้แถลงเป็นลายลักษณ์อักษร
"ไม่มีเหตุจำเป็นให้เปลี่ยนแปลง จึงให้ยกคำร้อง"องค์คณะผู้พิพากษา กล่าวบนบัลลังก์
ศาลฎีกาฯ กำชับให้คู่ความตรวจสอบเอกสารหลักฐานจากบุคคลภายนอก 27 แฟ้ม ซึ่งจัดส่งมาให้ตามคำร้องที่ขอให้ศาลฎีกาฯ เรียกเอกสารจากบุคคลภายนอก และยังได้กำชับให้คู่ความจัดเตรียมพยานบุคคลที่จะไต่สวนให้พร้อมในวันนัดที่กำหนดไว้เดิม โดยศาลจะให้การดำเนินคดีเป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด หากพยานบุคคลคนใดไม่ว่างให้เลื่อนพยานบุคคลอื่นขึ้นแทน ทั้งนี้เพื่อให้คดีเสร็จสิ้นโดยเร็ว
คดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทนี้ อัยการสูงสุดได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาฯ พิจารณาให้ทรัพย์สินมูลค่า 7.6 หมื่นล้านบาทของอดีตนายกรัฐมนตรีตกเป็นของแผ่นดิน เนื่องจากกระทำผิดเข้าข่ายร่ำรวยผิดปกติ ซึ่งศาลฎีกาฯ มีคำสั่งรับฟ้องคดีนี้ไว้เมื่อวันที่ 16 ต.ค.51
ศาลฎีกาฯ ได้นัดพร้อมคู่ความในวันนี้ และนัดไต่สวนพยาน ผู้ถูกกล่าวหา ผู้ถูกคัดค้านคดีดังกล่าวรวม 25 นัด ในระหว่างเดือน ก.ค.-ต.ค.52 โดยเริ่มนัดแรกในวันที่ 16 ก.ค.52 และนัดสุดท้ายวันที่ 29 ต.ค.52 หลังจากได้สืบพยานฝ่ายผู้ร้องไปครบแล้วทั้ง 6 นัด ในระหว่างวันที่ 3 พ.ย.-19 พ.ย.51