ทั้งนี้แบ่งเป็น หนี้ของสมาชิกสมาคมธนาคารไทย 729 ราย มูลค่า 418.75 ล้านบาท, หนี้ของสหกรณ์ 105 ราย 26.37 ล้านบาท, หนี้ของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย(บสท.) 56 ราย 35.30 ล้านบาท, หนี้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.) 251 ราย 101.96 ล้านบาท และหนี้ของบุคคลภายนอก 46 ราย 25 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งหมด 607.58 ล้านบาท
"กองทุนฯ ได้รับเงินสดที่จะช่วยเหลือซื้อหนี้เกษตรกร 1,187 ราย ที่ลงทะเบียนเป็นสมาชิกกองทุนฯ และได้รับอนุมัติจากกรมการจัดการหนี้ และเมื่อเกษตรกรที่เป็นสมาชิกยื่นเอกสารถูกต้องกับเจ้าหน้าที่ก็จะซื้อหนี้ได้ทันที" นายสังศิต กล่าว
นายสังศิต กล่าวด้วยว่า ภายในสัปดาห์นี้จะหารือกับเจ้าหนี้ที่เป็นสมาชิกธนาคารไทย, สหกรณ์, บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และบุคคลภายนอก เพื่อให้ขายหนี้ให้กับกองทุนฯ โดยขณะนี้เจ้าหนี้ส่วนใหญ่ยินยอมขายหนี้แล้ว ยกเว้นบุคคลภายนอก 46 ราย ที่ยอมขายหนี้เพียง 2 รายเท่านั้น ซึ่งกองทุนฯ จะต้องเจรจาต่อไป และคาดว่าจะสามารถโอนเงินได้ภายในวันที่ 4 มิ.ย.นี้
ขณะที่กองทุนฯ จะทำการซื้อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) ค้างชำระเกิน 7 ปี ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์(ธ.ก.ส.) กว่า 1,580 ล้านบาท ซึ่งมีลูกหนี้ 1,823 ราย และโอนเงินได้ในวันที่ 2 ต.ค.นี้
รายงานข่าวแจ้งว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา กฟก.ได้จ่ายเงิน 414.15 ล้านบาท ซื้อหนี้เกษตรกร 1,458 รายจาก ธ.ก.ส. โดยเป็น NPA และ NPL ค้างชำระเกิน 7 ปี และขณะนี้ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบคุณสมบัติอีก 365 ราย มูลหนี้กว่า 114 ล้านบาท