กองทัพอากาศและนาวิกโยธินของบราซิลพบร่างผู้เสียชีวิต 2 ศพ และเศษซากเครื่องบิน รวมถึงที่นั่งผู้โดยสารของเครื่องบินแอร์บัส A330 ของสายการบินแอร์ฟรานซ์ที่ตกลงในมหาสมุทรแอตแลนติกพร้อมผู้โดยสารบนเครื่อง 228 คนเมื่อสัปดาห์ก่อนแล้ว
รายงานระบุว่าร่างผู้เสียชีวิต 2 คนที่ถูกพบอยู่ห่างจากพื้นที่ชายฝั่งตอนเหนือของบราซิลราว 400 ไมล์ (640 กิโลเมตร) ซึ่งนับเป็นการพบร่างผู้เสียชีวิตและเศษซากเครื่องบินแอร์ฟรานซ์ครั้งแรกนับตั้งแต่ประสบอุบัติเหตุเมื่อช่วงต้นเดือนมิ.ย. โดยสิ่งที่ถูกพบทั้งหมดจะถูกนำไปยังเกาะเฟอร์นันโด เดอ โนรอนฮา ที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุมากที่สุด เพื่อให้เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพทำการตรวจสอบในเบื้องต้น จากนั้นจะถูกส่งไปยังเมืองเรซีฟ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสที่เป็นแกนนำการสอบสวนทำการวิเคราะห์หาสาเหตุของเครื่องบินตกต่อไป
ญาติพี่น้องของผู้โดยสารบนเครื่องบินแอร์ฟรานซ์ได้มอบตัวอย่าง DNA ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วเพื่อพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล ทั้งนี้ แม้ว่ายังไม่พบกล่องดำที่บันทึกข้อมูลการบินทั้งหมด แต่การสันนิษฐานเบื้องต้นมุ่งไปที่ความขัดข้องของอุปกรณ์ตรวจวัดความเร็วของเครื่องบินแอร์ฟรานซ์ในขณะที่บินผ่านพายุที่มีความรุนแรงสูง
สาเหตุการตกของเครื่องบินแอร์ฟรานซ์ลำนี้ได้รับความสนใจจากผู้เชี่ยวชาญด้านการบินในวงกว้าง โดยจอห์น ฮันส์แมน ผู้อำนวยการประจำศูนย์การบินระหว่างประเทศจากสถาบัน Massachusetts Institute of Technology (MIT) วิเคราะห์ว่า เครื่องบินแอร์บัส A330 ของสายการบินแอร์ฟรานซ์พร้อมด้วยผู้โดยสาร 228 อาจจะปะทะเข้ากับพายุฝนซึ่งมีความเร็วลมสูงถึง 161 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และคาดว่าเครื่องบินอาจถูกฟ้าผ่าจนทำให้ระบบไฟฟ้าเสียหายและร่วงลงในที่สุด
ด้านเฮนรี มาร์กัสตี ผู้เชี่ยวชาญด้านการพยากรณ์อากาศจาก Accuweather.com กล่าวว่า "พายุลูกเล็กๆที่เคลื่อนตัวอยู่เหนือเมฆสามารถทวีความรุนแรงขึ้นจนดูดเครื่องบินทั้งลำเข้าไปอยู่ในจุดศูนย์กลางของแรงลมได้ เราสันนิษฐานว่าเครื่องบินแอร์ฟรานซ์ลำนี้อาจถูกดูดเข้าไปอยู่ตรงกลางที่ถูกขนาบด้วยพายุหลายลูก และอาจจะถูกฟ้าผ่าซ้ำด้วย" สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน