เอแบคโพลล์ เผยประชาชนหวังศก.มีแนวโน้มดีขึ้น แต่มองภาพรวมยังคงแย่อยู่

ศูนย์วิจัยเอแบค นวัตกรรมทางสังคม การจัดการและธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เผยผลสำรวจแบบเรียลไทม์เรื่อง "ความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจและความตั้งใจจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคระดับครัวเรือน" ระบุแนวโน้มประชาชนมองว่าเศรษฐกิจของประเทศเริ่มดีขึ้นในช่วง 30 วันที่ผ่านมามีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้นจากร้อยละ 5.6 ในเดือน เม.ย.52 มาอยู่ที่ร้อยละ 11.8 ในเดือน พ.ค.52 และเพิ่มเป็นร้อยละ 17.4 ในเดือน มิ.ย.52 แต่ประชาชนส่วนใหญ่หรือกว่าร้อยละ 80 ยังคงมองว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยโดยภาพรวมยังคงแย่อยู่ แต่เลือกที่จะหวังและก้าวต่อไปข้างหน้า

"ผลสำรวจพบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 69.2 เลือกที่จะหวังและก้าวต่อไปข้างหน้า ขณะที่ร้อยละ 30.8 ระบุเลือกที่จะกลัวต่อเหตุการณ์ข้างหน้าที่จะเกิดขึ้น" นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเอแบค ระบุ

สำหรับสภาพรายได้วันนี้ของประชาชนพบว่าที่มีแนวโน้มรายได้ดี เพิ่มสูงขึ้นจากร้อยละ 21.9 ในเดือน เม.ย.52 มาอยู่ที่ร้อยละ 34.4 ในเดือน พ.ค.52 และร้อยละ 38.9 ในเดือน มิ.ย.52 ขณะที่ประชาชนที่ระบุว่าสภาพรายได้วันนี้ไม่ดี มีแนวโน้มลดลงจากร้อยละ 78.1 มาอยู่ที่ร้อยละ 61.1

ที่น่าสนใจคือประชาชนที่รู้สึกมั่นคงในหน้าที่การงานของตนเองในปัจจุบัน พบว่ามีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้นจากร้อยละ 49.5 ในเดือน เม.ย.52 มาอยู่ที่ร้อยละ 56.1 ในเดือน มิ.ย.52

ส่วนความตั้งใจจะใช้จ่ายเงินกับสินค้าขนาดใหญ่ราคาสูงในอีก 6 เดือนข้างหน้า หรือราวช่วงปีใหม่ 2553 พบว่า มีสัดส่วนของผู้ที่ตั้งใจจะซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ตู้เย็น โทรทัศน์เครื่องใหม่ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 13.1 ในเดือน เม.ย.52 มาอยู่ที่ร้อยละ 21.9 ในเดือน มิ.ย.52 เช่นเดียวกับสัดส่วนของคนที่จะซื้อรถยนต์คันใหม่และบ้านหลังใหม่ก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน คือ จากร้อยละ 6.5 มาอยู่ที่ร้อยละ 11.3 และจากร้อยละ 6.6 มาอยู่ที่ร้อยละ 10.4 ตามลำดับ

การสำรวจครั้งนี้มาจากกรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนใน 17 จังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 1,237 ครัวเรือน ในระหว่างวันที่ 9-10 มิ.ย.ที่ผ่านมา