นายกฯ มั่นใจหากจับกุมตัวผู้ก่อเหตุรุนแรงได้จะช่วยให้ไฟใต้สงบเร็วขึ้น

ข่าวทั่วไป Friday June 12, 2009 10:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระบุการเร่งรัดจับกุมผู้ก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จะเป็นแนวทางดีที่สุดที่จะหยุดกระแสสงครามข่าวสารได้ ซึ่งตนเองได้กำชับและเร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งทำงานอย่างเต็มที่

"ต้องพิสูจน์ให้เห็นโดยการได้ตัวคนร้าย ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าพอสมควร...ขอยืนยันว่ารัฐบาลตั้งใจ หากรู้ว่าใครเป็นคนร้ายจะจับกุมดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด"นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี ยังเชื่อว่า การเดินทางลงไปตรวจเยี่ยมในพื้นที่ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร สงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ในวันที่ 13 มิ.ย.นี้น่าจะมีส่วนช่วยสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่ได้

สำหรับการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (รชต.)เมื่อเย็นวานนี้ นายกรัฐมนตรีได้แสดงความเป็นกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในพื้นจังหวัดชายแดนภาคใต้และสั่งให้มีการดำเนินการหาตัวคนผิดมาลงโทษอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งพิจารณาแผนกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยอนุมัติโครงการต่างๆ กว่า 300 โครงการ ระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี(2553-2554) ใช้งบประมาณกว่า 5.4 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้กระทรวงการคลังยังได้เสนอแผนไทยเข้มแข็ง เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมและพัฒนาการค้าการลงทุน 5 ด้าน คือ ประมง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ท่องเที่ยว และอาหารฮาลาล ซึ่งเป็นโครงการพิเศษที่จะผลักดันให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว และที่ประชุมฯ ยังเห็นชอบการเพิ่มกรอบอัตรากำลังพลสมาชิกอาสาสมัครรักษาดินแดนจำนวน 1,440 อัตรา พร้อมงบประมาณ 399.3 ล้านบาท

ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) กล่าวว่า หลังจากดูหลักฐานการก่อเหตุกราดยิงประชาชนในมัสยิดที่ จ.นราธิวาส แล้วพบว่าอาวุธที่ใช้ก่อเหตุส่วนหนึ่งเคยนำมาใช้ทำร้ายประชาชน และเชื่อว่าประชาชนในพื้นที่จะไม่หลงเชื่อการปล่อยข่าวว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยหมู่บ้านดังกล่าวให้ความร่วมมือกับทางการอย่างใกล้ชิดดีมาก ซึ่งถือว่าหมู่บ้านนี้เป็นฝ่ายเราค่อนข้างสูง อีกทั้งสภาพแวดล้อมของหมู่บ้านส่วนใหญ่เป็นไทยมุสลิม และหมู่บ้านไทยพุทธที่อยู่ใกล้ที่สุดก็ห่างออกไป 3 กิโลเมตร ดังนั้นการที่ผู้ก่อการร้ายพยายามใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้

ผบ.ทบ.กล่าวว่า การที่ผู้ก่อเหตุรุนแรงใช้ใบปลิวโจมตีทางการนั้นเป็นเรื่องที่สื่อมวลชนต้องช่วยทำให้ข้อเท็จจริงเกิดขึ้น แต่หากจะระบุว่าเป็นการกระทำของใครก็ต้องใช้หลักฐานที่มีดำเนินคดี คงไม่ใช่เป็นการคาดการณ์หรือคาดเดาในการดำเนินคดี ส่วนสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่หลังจากนี้ไปเชื่อว่าจะสามารถควบคุมได้

"ขณะนี้เราประเมินว่าประชาชนมีความเข้าใจ เพราะการที่มีกำลังพลอยู่กับประชาชนทุกหมู่บ้านและไปทำในสิ่งไม่ชอบมาพากล หรือไปใช้มาตรการที่ไม่ถูกต้องและไปกดขี่ข่มเหงประชาชนเจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถจะอยู่ได้" พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่ดังกล่าวยังคงเกิดเหตุรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยช่วงเช้าตรู่ที่ผ่านมา คนร้ายใช้อาวุธสงครามกราดยิงพระสงฆ์ที่ยะลาขณะกำลังเดินบิณฑบาต ส่งผลให้มีพระมรณภาพ 1 รูป และบาดเจ็บสาหัสอีก 1 รูป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ