นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า รัฐบาลจะแก้ไขปัญหาความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ได้ภายใน 3 ปี จึงขอความร่วมมือจากประชาชน หากไม่ต้องการเห็นความรุนแรงเกิดขึ้น ขอให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา เพราะเจ้าหน้าที่ยังไม่รู้ข้อมูลกว้างขวางเพียงพอ ขณะเดียวกันขอให้มีสติให้มั่น อย่าหวั่นไหวกับเสียงหรือสิ่งยุแหย่ ให้มั่นใจว่ารัฐบาลเป็นรัฐบาลของประชาชนจะดูแลประชาชนจะให้ได้รับความเป็นธรรม
และรัฐบาลจะทำทุกวิถีทางเพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี เพื่อให้ญาติผู้เสียชีวิตมั่นใจว่าคนร้ายจะได้รับการลงโทษ ทั้งนี้ ได้รับรายงานจากตำรวจว่ามีหลักฐานซึ่งสามารถใช้กระบวนการทางนิติวิทยาศตร์ตรวจสอบสามารถสาวถึงตัวผู้ก่อเหตุได้ ยืนยันว่าไม่ใช่คนของรัฐบาล และหากตนยังเป็นรัฐบาลอยู่จะลงพื้นที่อีกหลายครั้ง จะพยายามไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นอีก
"แม้ขณะนี้เป็นรองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง แต่ก็เคยเป็นกำนันมาก่อน จึงเข้าใจปัญหาดี และจะให้เบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวให้พี่น้อง ถ้ามีอะไรขอให้บอกได้โดยตรง หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว จะได้กลับมาเป็นญาติร่วมแผ่นดินกันอีก ผมจะทำทุกอย่างให้ชีวิตพี่น้องดีขึ้นขอให้อดทน อดกลั้นเหมือนพวกผม เป็นรัฐบาลก็ต้องอดทน อดกลั้น เป็นรัฐบาลไม่เท่าไหร่ก็ถูกกลุ่มคนเสื้อแดงปิดล้อมไม่ให้เข้าทำเนียบรัฐบาล ทำงานมา 5 เดือน เหมือน 5 ปี เครียดและกลุ้มใจมาก เราเป็นคนไทยด้วยกัน ไม่ว่าเชื้อชาติศาสนาใดก็ไม่มีแผ่นดินไหนที่อยู่แล้วจะมีความสุขเหมือนแผ่นดินนี้ ความรุนแรงที่เกิดขึ้นรัฐบาลจะแก้ให้ได้ภายใน 3 ปี" นายสุเทพ กล่าว
ในวันนี้ นายสุเทพ พร้อมด้วยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสนาธิการทหารบก พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และพล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 ได้พบปะชาวบ้านที่มัสยิดอัลกูรกอน ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ที่ถูกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบใช้อาวุธยิงชาวไทยมุสลิมระหว่างประกอบศาสนกิจ
นายสุเทพ กล่าวว่า รัฐบาลใช้เวลา 4-5 เดือนที่ผ่านมา จัดทำแผนพัฒนาพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจะยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น กำหนดวงเงินงบประมาณไว้แล้ว โดยในวันที่ 15-16 มิ.ย.นี้ จะสภาผู้แทนราษฎรจะพิจารณาน พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ.2552 และร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน วงเงิน 8 แสนล้านบาท หากสภาอนุมัติให้ผ่านความเห็นชอบภายใน 2-3 เดือน เม็ดเงินจะลงถึงแต่ละหมู่บ้านและตำบล โดยกำหนดแผนงานให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายมาประชุมร่วมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ เพื่อรับทราบปัญหาความต้องการจะได้นำงบประมาณมาช่วยเหลือตรงตามความต้องการของประชาชนให้มีรายได้เพียงพอ ตั้งเป้าไว้ว่าประมาณ 120,000 บาทต่อครอบครัวต่อปี