นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบให้สนับสนุนการดำเนินงานตามโครงการบ้านมั่นคงที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)เสนอ โดยอนุมัติงบประมาณจากงบกลางเพื่อสนับสนุนโครงการดังกล่าว 1,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการเร่งด่วน
แยกเป็น 2 ส่วน วงเงิน 500 ล้านบาทแรกให้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(พอช.) สนับสนุนสินเชื่อแก่ชุมชนเพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วนกรณีที่ชุมชนถูกไล่รื้อถอน ส่วนอีก 500 ล้านบาทจะจัดตั้งกองทุนประกันความเสี่ยง เพื่อเป็นกลไกการเงินระหว่าง พอช. กับสถาบันการเงินในการสนับสนุนสินเชื่อ
นอกจากนี้ ครม.ยังเห็นชอบให้จัดสรรงบประมาณสำหรับ พอช.อีก 5,000 ล้านบาท เป็นเวลา 5 ปี ตั้งแต่ปีงบ 53-57 ปีละ 1,000 ล้านบาท รวมทั้งพิจารณาเพิ่มวงเงินอุดหนุนในการสนับสนุนโครงการบ้านมั่นคงจากเดิมหน่วยละ 68,000 บาท เป็น 80,000 บาท เนื่องจากเห็นว่าค่าวัสดุก่อสร้างและค่าแรงงานปรับตัวสูงขึ้น
นายวัชระ กล่าวว่า ครม.ยังเห็นชอบให้ยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% แก่สหกรณ์ชุมชนที่ดำเนินการพัฒนาที่อยู่อาศัยในโครงการบ้านมั่นคง
อย่างไรก็ตาม มีข้อเสนอของกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ที่จะให้ พอช.เป็นฝ่ายบริหารสินเชื่อในโครงการดังกล่าว แทนสถาบันการเงิน ซึ่งที่ประชุมครม.มอบหมายให้ไปหารือกับกระทรวงการคลัง เพื่อหาข้อสรุปในรายละเอียดให้แล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์
ขณะที่ นายกรณ์ จาติกวนิช รมว.คลัง เสนอความเห็นว่า ปัจจุบันมีสถาบันการเงินของรัฐ 2 แห่งที่ให้วงเงินสนับสนุนสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้มีรายได้น้อยอยู่แล้ว คือ ธนาคารออมสินและธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.)
ทั้งนี้ กระทรวงพัฒนาสังคมฯ ยังรายงานพบปัญหาของผู้อยู่อาศัยในโครงการบ้านมั่นคงที่ไม่สามารถออกทะเบียนบ้านได้ เนื่องจากติดขัดตามข้อกฎหมายเกี่ยวกับขนาดพื้นที่บ้านที่เล็กกว่า 16 ตร.วา ตามที่กฎหมายกำหนด เนื่องจากโครงการบ้านมั่นคงมีพื้นที่เพียง 12 ตร.วา ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ผู้เกี่ยวข้องไปหาแนวทางแก้ไขแล้ว
อนึ่ง เป้าหมายการสร้างบ้านมั่นคงมีจำนวนทั้งสิ้น 200,248 หน่วย มีผู้ต้องการสินเชื่อในโครงการดังกล่าว 79,464 ครัวเรือน อนุมัติสินเชื่อแล้ว 17,028 ครัวเรือน โดยพบว่าส่วนนี้มีการคืนเงินอุดหนุนในโครงการแล้วถึง 99.4%