นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เตรียมนำคณะเดินทางเยือนประเทศสิงคโปร์เพื่อแนะนำตัวในโอกาสเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 22 มิ.ย.นี้ และเตรียมเดินทางไปเยือนประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างวันที่ 24-27 มิ.ย.52
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเตรียมนำคณะเดินทางไปเยือนประเทศสิงคโปร์ โดยจะเข้าเยี่ยมคารวะนายเอส อาร์ นาธาน ประธานาธิบดีสิงคโปร์ และหารือข้อราชการกับนายลี เซียน หลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ และนายลี กวน ยู รัฐมนตรีที่ปรึกษา รวมทั้งพบปะกับนักธุรกิจชั้นนำและสื่อมวลชน เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสร้างความเชื่อมั่น
"ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเชิญชวนนักลงทุนชาวสิงคโปร์เข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งขณะนี้รัฐบาลไทยได้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมชี้แจงสถานการณ์การเมืองไทย เสถียรภาพของประเทศ และสถานการณ์ในภูมิภาคโดยรวม อาจรวมถึงสถานการณ์ในพื้นที่ภาคใต้ซึ่งขณะนี้เป็นที่สนใจของประชาชนชาวโลก"นายปณิธาน กล่าว
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีจะพบปะกับแรงงานไทยในสิงคโปร์ เพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเพื่อนำกลับมาแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้น เนื่องจากสิงคโปร์เป็นตลาดแรงงานที่สำคัญรองจากไต้หวัน โดยมีแรงงานไทยอยู่ถึง 5 หมื่นคน
จากนั้นระหว่างวันที่ 24-27 มิ.ย.52 นายกรัฐมนตรีจะนำคณะเดินทางไปเยือนประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อสานต่อและกระชับความสัมพันธ์ไทย-จีน และฟื้นฟูความเชื่อมั่น โดยถือโอกาสโรดโชว์สินค้าเกษตรของไทย เพราะจีนถือเป็นตลาดใหญ่และเป็นประเทศคู่ค้ากับไทยที่จะช่วยให้ไทยส่งออกสินค้าได้เพิ่มมากขึ้น รวมถึงส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและส่งเสริมการลงทุนของภาคเอกชนจีนในประเทศไทย แลกเปลี่ยนหารือข้อคิดเห็นในภูมิภาค ทั้งด้านความมั่นคงและการเมือง เช่น พม่า และเกาหลีเหนือ
นายกรัฐมนตรี มีกำหนดหารือข้อราชการกับนายเหวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีน และเข้าเยี่ยมคารวะนายหู จิ่นเทา ประธานาธิบดีจีน พบปะกับบุคคลระดับสูงภาครัฐและเอกชนของจีน รวมถึงกล่าวสุนทรพจน์เพื่อเรียกคืนความเชื่อมั่นทางการท่องเที่ยวและส่งเสริมการลงทุนในหลายโอกาส และนายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปเยี่ยมชมการพัฒนาเมืองและท่าเรือเมืองเทียนจิน ไปเยือนกรุงปักกิ่งและกวางโจซึ่งเป็นเมืองการค้าระหว่างไทยจีน
"ให้มีมูลค่าการค้าร่วมกันมากขึ้นจาก 36,000 ล้านดอลลาร์ เป็น 50,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี ผลักดันให้มีนักท่องเที่ยว 4 ล้านคนต่อปี ซึ่งต้องไปปรับเปลี่ยนทัศนคติว่าประเทศไทยไม่มีความรุนแรงทางการเมืองแล้ว" นายปณิธาน กล่าว
นายกรัฐมนตรีหวังว่าการเดินทางไปเยือนจีนครั้งนี้จะได้ประโยชน์สูงสุด เพราะมีผู้เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนไปด้วยนับ 100 คน ซึ่งภาครัฐจะมีการลงนามความตกลงด้านการค้า ความตกลงการขยายความร่วมมือทวิภาคีทางเศรษฐกิจและการค้าในเชิงกว้างและเชิงลึก และความร่วมมือด้านการศึกษา เพื่อพัฒนาความร่วมมือในทุกด้านให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น ส่วนภาคเอกชนจะจัดกิจกรรมส่งเสริมและประชาสัมพันธ์สินค้าเกษตรไทยในจีน รวมทั้งการจับคู่ทางธุรกิจระหว่างภาคเอกชนไทย-จีน
"นายกรัฐมนตรีและภาคเอกชนจะเดินทางไปเยือนเมืองกวางโจว ซึ่งเป็นเมืองที่มีปริมาณการค้า 1 ใน 3 ของปริมาณการค้ารวมไทย-จีน ซึ่งเป็นโอกาสอันดีสำหรับการสนับสนุนให้เอกชนจีนเข้ามาลงทุนในประเทศไทย...นายกรัฐมนตรีจะใช้โอกาสนี้หารือถึงการนำเข้าผลไม้ไทยเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของกีฬาเอเชียนเกมส์ 2010 ด้วย" นายปณิธาน กล่าว