นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า วุฒิสภาสามารถตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นเพื่อตรวจสอบหรือติดตามรายละเอียดในการใช้เงินกู้ตาม พ.ร.ก. และ ร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจได้ หลังจากที่ร่างพ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวได้ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว ซึ่งรัฐบาลพร้อมที่จะให้มีการตรวจสอบเพื่อให้เกิดความโปร่งใสจากการใช้จ่ายเงินกู้ดังกล่าว
"ถ้าวุฒิสภามีความเป็นห่วงเป็นใยว่าจะติดตามรายละเอียดต่างๆ ขอยืนยันว่าทำได้ โดยตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นหรืออะไรก็สุดแล้วแต่ และเมื่อมีการใช้จ่ายเงินกู้ตามกฎหมายนี้ไปแล้ว ก็จะต้องรายงานให้สภาผู้แทน และวุฒิสภาทราบเป็นระยะอยู่แล้ว ขอความมั่นใจในกลไกการตรวจสอบความโปร่งใสในการใช้จ่ายเงินกู้ในส่วนนี้จะต้องมีอย่างแน่นอน" นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการเชื่อมั่นประเทศไทย กับนายกฯ อภิสิทธิ์ เช้านี้
โดยวันพรุ่งนี้(22 มิ.ย.) จะมีการประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณา พ.ร.ก. และ ร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจทั้ง 2 ฉบับ รวมวงเงิน 8 แสนล้านบาท
นายกรัฐมนตรี ยังขอความร่วมมือจากวุฒิสภาในการผ่านร่างกฎหมายการกู้เงินดังกล่าว เพื่อให้รัฐบาลมีเครื่องมือในการกระตุ้นเศรษฐกิจและลงทุน เตรียมประเทศไทยให้มีความพร้อมและเข้มแข็งที่จะมีขีดความสามารถในการแข่งขันในวันที่วิกฤติเศรษฐกิจในครั้งนี้ได้ผ่านพ้นไป และหากที่ประชุมวุฒิสภาเห็นชอบกฎหมายการกู้เงินก็จะทำให้รัฐบาลพร้อมเดินหน้าทำตาม พ.ร.ก.กู้เงินฯ ได้ ทั้งการกู้เงินจากธนาคารและการออกพันธบัตรออมทรัพย์วงเงิน 30,000 ล้านบาท
"เงินกู้ก้อนนี้ ส่วนหนึ่งจะนำไปเสริมเงินคงคลัง อีกส่วนจะใช้กระตุ้นการลงทุนโดยเริ่มต้นในโครงการที่มีความพร้อม ซึ่งขณะนี้ตรวจสอบแล้ว ในช่วง ส.ค.-ก.ย.น่าจะมีประมาณ 2 หมื่นล้านบาท จากนั้นจะเป็นการใช้สู่ปีงบประมาณ 53 เริ่มต.ค. ซึ่งจะมียอดประมาณ 2 แสนล้านบาท" นายกรัฐมนตรี กล่าว
อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีได้แสดงความขอบคุณต่อสภาผู้แทนราษฎรที่ผ่านความเห็นชอบกฎหมายดังกล่าวในช่วงการประชุมตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยยืนยันว่ารัฐบาลมีความจำเป็นอย่างยิ่งจะต้องใช้เงินกู้ก้อนดังกล่าว โดยส่วนหนึ่งเพื่อเสริมฐานะการคลังซึ่งชดเชยการจัดเก็บรายได้ที่ลดต่ำลง และอีกส่วนสำหรับการลงทุนในโครงการสำคัญเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ