นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไม่คัดค้านการที่คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์)ขอขยายเวลาอีก 1 เดือนเพื่อศึกษาความเหมาะสมของโครงการรถเมล์ NGV 4 พันคันในรูปแบบการเช่าหรือซื้อ โดยมองว่าไม่ได้ถือเป็นการซื้อเวลาแต่อย่างใด และเวลา 30 วันถือว่าไม่นานเกินไป
"รัฐบาลไม่ได้ซื้อเวลา แต่สุดท้ายต้องการให้ได้บริการที่ดี ลดการขาดทุน ซึ่งคาดว่าใช้เวลาไม่นาน เพราะอย่างไรก็ต้องมีคำตอบ" นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยว่า ในการศึกษาโครงการดังกล่าวสภาพัฒน์จะเสนอแนวทางอื่นๆ นอกเหนือจากการเช่าหรือซื้อรถเมล์ NGV ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการขอสัมปทาน, การตั้งบริษัทลูก หรือการตั้งบริษัทในรูปแบบพิเศษต่างๆ เป็นต้น ซึ่งขณะนี้ยังติดขัดตัวเลขบางตัวที่สภาพัฒน์จะต้องทำรายละเอียดให้ชัดเจน และต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของสภาพัฒน์ด้วย
ส่วนกรณีปัญหาของการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) นั้น นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ในแผนฟื้นฟูการรถไฟฯ ที่มีการจัดตั้งบริษัทลูก 2 บริษัทนั้น ไม่ได้เป็นการแปรรูปหรือเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามาถือหุ้นตามความเข้าใจของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การรถไฟแห่งประเทศไทย(สร.รฟท.)แต่เชื่อว่าเรื่องนี้รัฐบาลจะสามารถพูดคุยทำความเข้าใจกับ สร.รฟท.ได้ด้วยเหตุและผล
"รัฐบาลไม่มีนโยบายจะเปิดให้(เอกชน)เข้ามา แต่ยอมรับว่าเป็นความกังวล(จากสหภาพฯ) และเข้าใจในความห่วงใยดี ซึ่งต้องพูดคุยกันด้วยเหตุและผล"นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลและสหภาพฯ ไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งกัน เพราะต่างมีเป้าหมายตรงกันที่ต้องการจะปรับปรุงการรถไฟให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ดี ไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ว่าเรื่องนี้มีใครอยู่เบื้องหลัง เพราะเชื่อว่าจะเป็นความห่วงใยของสหภาพฯ มากกว่า ทั้งนี้รัฐบาลพร้อมที่จะเปิดโอกาสให้สหภาพฯ ได้เข้ามาหารือต่อปัญหาที่เกิดขึ้น