คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีต รมว.สาธารณสุข ระบุนโยบายป้องกันและควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ของรัฐบาลไม่มีความชัดเจน ทำให้เชื้อโรคดังกล่าวแพร่ระบาดลุกลามขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ โดยเสนอแนะให้รัฐบาลจัดสัปดาห์รณรงค์ปูพรมทำความสะอาดพร้อมกันทั่วประเทศ
"รัฐบาลไม่ชัดเจนทำให้มาตรการในการคัดกรองต่างๆ ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร เห็นได้ชัดเจนอย่างเช่นเรื่องการติดตั้งเครื่องเทอร์โมสแกน ที่จริงๆ แล้วนักวิชาการเองก็ยืนยันว่าไม่ได้ผล แต่รัฐบาลก็ยังดึงดันจะติด สุดท้ายก็เห็นแล้วว่าไม่ได้ช่วยอะไรมาก" คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
อดีตรมว.สาธารณสุข ในยุคการแพร่ระบาดของโรคซาร์ส กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโรคไข้หวัด 2009 มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งมาจากรัฐบาลไม่มีนโยบายที่ชัดเจนว่าจะออกมาตรการป้องกันและควบคุมโรคแบบไข้หวัดใหญ่ธรรมดาหรือจะมีนโยบายประกาศเป็นวาระแห่งชาติในลักษณะเดียวกับที่เคยดำเนินการในเรื่องโรคซาร์สและไข้หวัดนก ทำให้ประชาชนเกิดความสับสนไม่รู้ว่าจะปฏิบัติตัวอย่างไร
ล่าสุด กระทรวงสาธารณสุขได้ขึ้นทะเบียนผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 อีก 146 ราย ส่งผลให้ยอดสะสมตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย.-10 ก.ค.52 เพิ่มเป็น 3,071 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยที่อาการหายเป็นปกติแล้ว 2,735 ราย ส่วนผู้ป่วยที่ยังคงพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลแค่ 13 ราย ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตยังอยู่ที่ 14 ราย
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า อยากเห็นความชัดเจนของรัฐบาล ไม่ใช่ปล่อยให้มีผู้ป่วยเสียชีวิตก่อนแล้วค่อยตื่นตัว อย่างกรณีการสั่งปิดโรงเรียนกวดวิชา แม้จะเป็นเรื่องที่ดี แต่การทำตอนนี้ถือว่าสายเกินไปแล้ว เพราะโรคแพร่ระบาดขยายวงกว้างไปทั่วประเทศแล้ว
"ปิดไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก ถ้าจะปิดโรงเรียนกวดวิชา ทำไมไม่ปิดโรงเรียนธรรมดา 7 วัน แล้วทำความสะอาดขนานใหญ่ ทำให้เป็นสัปดาห์รณรงค์สกัดไข้หวัด 2009 แบบบิ๊กคลีนนิ่งไปเลย อย่างที่ญี่ปุ่นหรือประเทศอื่นๆ ก็ทำกัน ไม่ใช่ออกมาตรการแบบลูบหน้าปะจมูก ที่สำคัญควรพูดความจริงกับประชาชน สร้างค่านิยมให้ประชาชนมีพฤติกรรมป้องกันโรคที่เหมาะสม เชื่อว่าจะลดการติดเชื้อได้" คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
อดีต รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า รัฐบาลยังไม่รู้เลยว่าจะมีมาตรการเรื่องนี้อย่างไร ที่สำคัญไม่รู้ว่าจะใช้คนสาธารณสุขที่เก่งๆ ให้ทำงานอย่างไร ข้าราชการที่เก่งหรือรู้ปัญหารู้ทางแก้ก็ไม่กล้าพูด เพราะนโยบายไม่ชัดเจน เรื่องหลักๆ ที่ควรทำ ได้แก่ สกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรค, ควบคุมโรค คนป่วยให้อยู่บ้าน ให้หยุดเรียน หยุดงาน เพื่อลดการแพร่เชื้อในที่ชุมชน, การรักษาให้ทำอย่างทันท่วงทีภายใต้มาตรฐานทางวิชาการ
"จะรักษาอย่างไร ให้หรือไม่ให้ยาต้านไวรัส ถ้าให้มีเกณฑ์อย่างไร ต้องบอกประชาชน ไม่ใช่ไปถึงโรงพยาบาลแล้ว คนหนึ่งได้ยาต้านไวรัสอีกคนไม่ได้ แล้วแพทย์ก็ตอบไม่ได้ว่าทำไมต้องให้ ทำไมไม่ให้ สุดท้ายต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจและระวังตนเอง ซึ่งถ้ารัฐบาลไม่รีบดำเนินการปล่อยให้ปัญหาบานปลายจนถึงขั้นต้องปิดประเทศจะเกิดความเสียหายมหาศาลมากกว่านี้" คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว