รศ.นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิระดับ 11 กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากข้อมูลพบว่า ขณะนี้การติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 มักไม่ค่อยพบในเด็ก 5 ขวบ แต่จะมีในเด็กเล็กประมาณ 2 ขวบ ซึ่งเด็กบางรายพบว่ามีอาการเหมือนปกติ ด้านการรักษา หลังจากจัดทำคู่มือการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ให้กับแพทย์ จะให้ใช้ดุลพินิจของแพทย์เป็นหลักเพื่อความเหมาะสมในการจ่ายยา เช่น กรณีผู้ป่วยมีไข้สูง 39 องศาเซลเซียส ควรให้ยาต้านไว้รัสโอเซลทามิเวียร์ทันที หรือคนที่มีประวัติมีโรคประจำตัว เช่น ปอด ตับ หัวใจ ก็ให้ยาต้านไวรัสทันที เพื่อมุ่งรักษาชีวิตให้มากที่สุด
สำหรับคู่มือแพทย์ฉบับนี้ จะออกในวันจันทร์ที่ 20 ก.ค.นี้ ซึ่งจะทำให้แพทย์ดูแลรักษาคนไข้ได้ง่ายขึ้น เพราะมีหลักเกณฑ์ปฏิบัติแบ่งแยกเป็นขั้นตอน เนื่องจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เป็นโรคอุบัติใหม่ ที่บางคนอาจยังไม่เคยพบ
รศ.นพ.ทวี ยังกล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ทั่วโลกขณะนี้ องค์การอนามัยโลกได้ประกาศเมื่อวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา ยกเลิกการรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตและผู้ป่วยทั่วโลก เนื่องจากไม่ได้สะท้อนความเป็นจริง และสะท้อนถึงความตื่นตระหนกให้กับประชาชนทั่วโลก ไม่เกิดประโยชน์ทางวิชาการ นอกจากการติดตามรายวัน
ส่วนการตรวจเชื้อในห้องปฏิบัติการเพื่อพิสูจน์ยืนยันว่าติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 หรือไม่นั้น เห็นว่าบางประเทศไม่จำเป็นต้องทำทุกคนเพราะจะสิ้นเปลืองงบประมาณ หากมีงบฯจำกัดทำให้ไม่สามารถนำงบฯ ของรัฐไปใช้ในการรักษาดูแลผู้ป่วยอย่างเพียงพอ และร้อยละ 90 ของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 พบว่าส่วนใหญ่ไม่มีอาการ มีอาการของไข้หวัดเล็กน้อย อีกประมาณร้อยละ 5-10 คือ ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เมื่อติดเชื้อแล้วจะมีอาการหนัก
"โชคดีที่ประเทศไทย เคยมีการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกมาก่อน จึงสามารถนำแผนมาปรับใช้ใหม่ได้ แต่สิ่งสำคัญคือการดูแลรักษาผู้ป่วยให้มีการสูญเสียชีวิตน้อยที่สุด จากนั้นค่อยคิดถึงเรื่องเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะคนที่รู้ตัวว่าป่วยต้องแยกตัวออกจากสังคมในขณะนั้น เช่น งดการเข้าไปในสถานที่ชุมชนแออัด งานแสดงคอนเสิร์ต ห้างสรรพสินค้า พักผ่อนให้เพียงพอให้ร่างกายแข็งแรงและเมื่อหายดี จึงกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ เพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่ระบาด" รศ.นพ.ทวี กล่าว