นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข เตรียมสั่งการให้องค์การเภสัชกรรมชี้แจงให้ประชาชนในพื้นที่ จ.นครราชสีมา เข้าใจข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการตั้งโรงงานผลิตวัคซีนที่ อ.ปากช่อง หลังชาวบ้าน ออกมาคัดค้าน เนื่องจากมีความกังวลว่าอาจจะเกิดการแพร่เชื้อในพื้นที่ได้
ทั้งนี้ โรงงานผลิตวัคซีน ที่ อ.ปากช่อง เท่าที่ทราบ เป็นโรงงานเพื่อการผลิตวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดทั่วไป ไม่ใช่ป้องกันไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ H1N1 ที่มีต้นแบบการผลิตวัคซีนอยู่ที่ จ.นครปฐม และโรงงานดังกล่าวเป็นโครงการเดิมอยู่แล้ว เพียงแต่ขณะนี้อาจมีแนวคิดที่จะปรับเปลี่ยนการผลิตวัคซีนธรรมดามาเป็นวัคซีน H1N1 ซึ่งเป็นเหตุให้ประชาชนในพื้นที่เกิดความกังวล
"ส่วนข้อกังวลเรื่องการดื้อยา คงต้องมีการติดตามและประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา เพราะเรื่องนี้ยังเป็นเรื่องใหม่ที่ที่คนยังตามไม่ทัน จึงต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง"นายวิทยา กล่าว
รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงผลสำรวจความเห็นประชาชนที่ต้องการให้ ก.สาธารณสุข รายงานตัวเลขและสถานการณป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 เป็นรายวัน มากกว่าการรายงานเพียงสัปดาห์ละ 1 วันว่าการปรับเปลี่ยนดังกล่าว เป็นการดำเนินการตามองค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ได้หยุดการรายงานตั้งแต่ 6 ก.ค. 52 เนื่องจากเห็นว่าการรายงานตัวเลขไม่ก่อให้เกิดผลใดๆ แต่ในส่วนของไทย จะให้ผู้เกี่ยวข้องประเมินผลดี ผลเสีย ให้ชัดเจนอีกครั้งหากให้มีการรายงานสถานการณ์ผูป่วยเป็นรายวันเช่นเดิม
ด้านนายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ ได้ประสานงานไปยังกลุ่มแม่บ้านทั่วประเทศ เพื่อให้ช่วยผลิตหน้ากากอนามัย ที่ทำจากผ้าสาลูอย่างดี 3 ชั้น เพื่อใช้ป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 โดยยืนยันว่า การผลิตหน้ากากอนามัยจากผ้าสาลู ถือว่ามีประสิทธิภาพป้องกันเชื้อโรคได้ เนื่องจากทางการแพทย์ใช้ในการผ่าตัดเล็ก
และการใช้หน้ากากอนามัยที่ผลิตจากผ้า จะมีความเหมาะสมมากกว่า หากสถานการณ์การระบาดของโรค ยืดเยื้อ การใช้หน้ากากอนามัยที่ผลิตจากกระดาษ วันละ 4-5 ล้านชิ้น จะสร้างปัญหาขยะติดเชื้อต่อไปได้