นางฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศ ของสหรัฐฯ แถลงภายหลังการหารือกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีของไทย ในโอกาสที่เดินทางมาร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนและประเทศคู่เจรจา โดยระบุว่าจุดยืนในการเดินทางมาครั้งนี้เพื่อทำหน้าที่กระชับความสัมพันธ์ ซึ่งถือได้ว่าไทยเป็นพันธมิตรที่สำคัญของสหรัฐฯ และเชื่อว่าไทยเป็นประเทศที่จะเชื่อมต่อไปยังประเทศต่าง ๆ ในอาเซียนได้อย่างดีด้วย
พร้อมกันนั้น ได้ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นกรณีข่าวที่สหรัฐฯ เข้ามาใช้คุกลับในประเทศไทยในการสอบสวนผู้ก่อการร้ายข้ามชาติในอดีต โดยนางคลินตัน ระบุว่าเป็นเรื่องงานข่าวกรองและความมั่นคงภายในประเทศไทย แต่รัฐบาลสหรัฐฯยืนยันที่จะดำเนินนโยบายทุกอย่างภายใต้กรอบของกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชน ซึ่งสหรัฐฯ ไม่เห็นด้วยกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศใด ๆ โดยเฉพาะในประเทศพม่า และยังได้ย้ำจุดยืนที่ชัดเจนในการปฏิบัติต่อเกาหลีเหนือ
ในการนี้นางคลินตัน ยังได้ขอบคุณไทยที่มีจุดยืนที่เข้มแข็งต่อการปฏิบัติต่อทั้งสองประเทศในฐานะที่เป็นประเทศเพื่อนบ้านและประธานอาเซียน
ด้านนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในระหว่างการหารือวันนี้นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงให้ รมว.ต่างประเทศของสหรัฐฯ รับทราบถึงการพัฒนาการด้านการเมืองในประเทศไทย รวมถึงนโยบายของรัฐบาล โดยเน้นย้ำว่าประเทศไทยยังสามารถดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศได้แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะเกิดภาวะตกต่ำ โดยรัฐบาลยังมุ่งมั่นในการส่งเสริมและอำนวยความสะดวกในด้านการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศ และพร้อมจะให้คำปรึกษาหารือกับภาคเอกชนเพื่อแก้ไขอุปสรรคต่าง ๆ
นอกจากนั้น รัฐบาลยังจะให้ความสำคัญและยึดมั่นในสิทธิและทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงยึดหลักการที่จะรักษาความต่อเนื่องของการได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป(GSP)ของสินค้าที่จะส่งออกจากไทยไปยังสหรัฐฯ ด้วย
และในฐานะประธานอาเซียน นายกรัฐมนตรีได้แสดงความยินดีที่สหรัฐฯ ตัดสินใจลงนามในสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือ โดย รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ และอาเซียนจะมีการลงนามร่วมกันในวันพรุ่งนี้(22 ก.ค.) ซึ่งเป็นการแสดงถึงการให้ความสำคัญที่สหรัฐฯ มีต่ออาเซียน
ท้ายที่สุด นายกรัฐมนตรีของไทยยังฝากความระลึกถึงไปยังประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ ด้วย