นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เปิดเผยว่า หลังคณะกรรมการบริหารองค์การเภสัชกรรม มีมติ ให้ อภ.ผลิตยาโอเซลทามิเวียร์เพิ่มจาก 10 ล้านเม็ด เป็น 40 ล้านเม็ด เนื่องจากสถานการณ์การแพร่กระจายของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้ต้องเพิ่มการผลิตยามากขึ้น เพื่อให้โรงพยาบาลจ่ายยาให้คนไข้ได้อย่างรวดเร็ว โดยขณะนี้ได้สั่งวัตถุดิบเพิ่มจากประเทศอินเดียแล้ว คาดว่าถึงไทยในวันที่ 27 กรกฎาคมนี้ เมื่อเข้ามาแล้วจะดำเนินการผลิตได้ทันที
สำหรับงบประมาณในการผลิตยาโอเซลทามิเวียร์เพิ่มอีก 30 ล้านเม็ด ที่มีต้นทุนอยู่ที่เม็ดละ 25 บาท รวมเป็นเงิน 750 ล้านบาท ขณะนี้รอให้กระทรวงสาธารณสุข จัดทำแผน เสนอที่ประชุม ครม. ขอใช้งบประมาณฉุกเฉิน โดย อภ.จะสำรองจ่ายเงินส่วนนี้ไปก่อน
ส่วนการสำรองยาต้านไวรัสของโรงพยาบาลต่าง ๆ จะมีจำนวน จะมีจำนวนไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับขนาดของโรงพยาบาล จะมีตั้งแต่ 1,000-5,000 เม็ด แต่หากโรงพยาบาลใดที่มีคนไข้มารักษาเป็นจำนวนมาก จนยาที่สำรองไว้ไม่เพียงพอสามารถโทรแจ้งที่ อภ.โดยตรง ได้ ซึ่งพร้อมจัดส่งยาให้ภายใน 24 ชั่วโมง
นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า ในวันที่ 30 ก.ค.นี้ จะกระจายกำลังอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม.ทั่วประเทศ จำนวน 987,000 คน ออกรณรงค์ป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และร่วมคัดกรองผู้ป่วยในทุกหมู่บ้านทั่วประเทศ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค และได้สั่งการให้โรงพยาบาลทั่วประเทศ เร่งทำช่องทางด่วนพิเศษ ในการคัดแยกผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ออกจากผู้ป่วยทั่วไป เพื่อให้ผู้ป่วยที่เป็นหวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้รับการรักษาเร็วที่สุด เพื่อป้องกันการเสียชีวิต
ส่วนยอดของผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นนั้น ยืนยันว่าเป็นการเพิ่มขึ้นเหมือนทุกประเทศ เนื่องจากทุกคนยังไม่มีภูมิป้องกัน และหากมีพฤติกรรมที่ฝ่าฝืนข้อแนะนำในการป้องกันโรค ก็มีสิทธิ์ติดเชื้อได้ตลอดเวลา อย่างไรก็ตามหากสถานการณ์การระบาดของโรคยังคงรุนแรง หรือมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมาก อาจจะประกาศให้ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เป็นวาระแห่งชาติต่อไป
ขณะที่ รศ.นพ.อดิศร ภัทราดูลย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กล่าวว่า โรงพยาบาลได้รับตัว หญิงวัย 24 ปี จาก จ.ราชบุรี ที่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 มารักษาต่อที่ ตั้งแต่คืนวันที่ 24 ก.ค. เนื่องจากผู้ป่วยได้ตั้งครรภ์ได้ 7 เดือน และแพทย์ รพ.ราชบุรี ได้ผ่าตัดเอาเด็กออก เพราะเกรงว่าจะติดเชื้อและอาจเป็นอันตราย
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ อาการแม่เด็ก ยังน่าเป็นห่วง พักรักษาตัวในห้องไอซียู รักษาตามอาการ เบื้องต้นมีอาการทางปอด ต้องรอดูอาการอีกประมาณ 1-2 วัน