นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง สภาวะเศรษฐกิจของสาธารณชน กับแนวโน้มความนิยมต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป 17 จังหวัดของประเทศ จำนวน 4,079 ครัวเรือน ระหว่างวันที่ 20-25 กรกฎาคม 2552 พบว่า ความนิยมของประชาชนที่มีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ สูงกว่า นายอภิสิทธิ์ เล็กน้อย คือร้อยละ 34 ต่อร้อยละ 32.9 ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบแนวโน้มความนิยมตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 จนถึงปัจจุบันในระบบฐานข้อมูลโพลล์การเมืองของสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ พบว่า แนวโน้มความนิยมของสาธารณชนต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เพิ่มสูงขึ้นจากร้อยละ 23.6 ในเดือนมีนาคม 2552 มาอยู่ที่ร้อยละ 34 ในการสำรวจครั้งล่าสุด ขณะที่ความนิยมที่มีต่อ นายอภิสิทธิ์ ลดลงจากร้อยละ 50.6 ในเดือนมีนาคม มาอยู่ที่ร้อยละ 32.9
อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจพบความแตกต่างอย่างชัดเจนเมื่อจำแนกตามระดับการศึกษา ซึ่งพบว่าผู้ที่มีการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีส่วนใหญ่หรือร้อยละ 57.7 นิยมชอบ นายอภิสิทธิ์ ในขณะที่ร้อยละ 21.9 นิยมชอบ พ.ต.ท.ทักษิณ เช่นเดียวกับกลุ่มประชาชนที่มีการศึกษาระดับปริญญาตรีร้อยละ 39 นิยมชอบ นายอภิสิทธิ์ ขณะที่ร้อยละ 32.7 นิยมชอบ พ.ต.ท.ทักษิณ
นอกจากนี้เมื่อจำแนกตามภูมิภาค ในภาคเหนือ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังได้รับความนิยมมากกว่า นายอภิสิทธิ์ คือ ร้อยละ 32.9 ต่อร้อยละ 28.8 ส่วนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังคงนิยมชอบ พ.ต.ท.ทักษิณ มากกว่า นายอภิสิทธิ์ เช่นกันคือ ร้อยละ 44.5 ต่อ ร้อยละ 18.4 แต่สำหรับในภาคกลาง ภาคใต้ และกรุงเทพมหานคร ผลสำรวจพบประชาชนนิยมชอบ นายอภิสิทธิ์ มากกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คือในภาคกลาง ร้อยละ 36.5 ต่อร้อยละ 32.9 , ภาคใต้ ร้อยละ 66.3 ต่อร้อยละ 8 และกรุงเทพมหานคร ร้อยละ 41.4 ต่อร้อยละ 36.2