สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนส่วนใหญ่ไม่ค่อยให้ความสนใจเรื่องประวัติศาสตร์ชาติไทย การทำกิจกรรมเพื่อรักษาป่าไม้ และแหล่งน้ำธรรมชาติ
"รัฐบาลต้องเร่งใช้กลไกของรัฐหนุนเสริมให้คนไทยสนใจประวัติศาสตร์ชาติไทย ทำกิจกรรมปลูกป่าไม้ รักษาแหล่งน้ำ และประชาสัมพันธ์กองทุนแม่เพื่อแก้ปัญหายาเสพติดให้มากขึ้นอย่างกว้างขวาง และต้องเร่งบ่งเพาะทำให้สิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศกำลังมีจิตใจแน่วแน่ในทางสร้างสรรค์เกิดผลเป็นรูปธรรมตามสิ่งที่ขอให้คนไทยปฏิบัติต่อกันในวันแม่แห่งชาติและทุกๆ วันตลอดไป" นายนพดล กรรณิการ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยความสุขชุมชน เอแบคโพลล์ ระบุในเอกสารเผยแพร่
โดยผลสำรวจระบุว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 73.4% ไม่ค่อยสนใจ-ไม่สนใจเลยเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย, 61.1% ไม่ค่อยทำ-ไม่เคยทำเลยในกิจกรรมรักษาป่าไม้ และ 69.5% ไม่ค่อยได้ทำ-ไม่เคยทำเลยในกิจกรรมรักษาแหล่งน้ำธรรมชาติในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
สำหรับสิ่งที่ประชาชนตั้งใจจะทำเพื่อแม่ ส่วนใหญ่ 68.6% ตั้งใจจะแสดงความกตัญญู รองลงมาคือจะทำตามแม่สอน จะกราบเท้าแม่ จะพาแม่ไปทำบุญ จะมอบดอกไม้ให้แม่ จะสวมกอดแม่ รักแม่ และอื่นๆ เช่น จะซื้อของขวัญให้แม่ จะให้เงินแม่ จะพาแม่ไปรับประทานอาหารนอกบ้าน และจะพาแม่ไปเที่ยว
อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่ 61.8% มองว่าคุณแม่ในสมัยปัจจุบันมีความอดทนอดกลั้นน้อยลงในการอบรมเลี้ยงดูบุตรเมื่อเปรียบเทียบกับคุณแม่ในสังคมไทยเมื่อ 40 ปีที่แล้ว สาเหตุมาจากวิถีชีวิตที่ยึดติดพึ่งพาวัตถุนิยมและความสะดวกสบาย และปัญหาความซับซ้อนและแรงกดดันแวดล้อมในชีวิตมีมากขึ้น
"น่าเศร้าใจที่ผลสำรวจพบว่า คุณแม่ในสังคมไทยปัจจุบันมีความอดทนอดกลั้นในการอบรมเลี้ยงดูบุตรหลานน้อยลงนั้น รัฐบาลน่าจะจัดสรรงบประมาณอย่างต่อเนื่องสนับสนุนให้มีพื้นที่สร้างสรรค์รวมตัวกันสำหรับคุณพ่อคุณแม่จากครอบครัวที่หลากหลายมาทำกิจกรรม แบ่งปันประสบการณ์ปัญหาและเสนอแนะทางออกร่วมกันในการอบรมเลี้ยงดูบุตรหลาน โดยเฉพาะครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว และเด็กเยาวชนที่ถูกทอดทิ้ง" นายนพดล กล่าว
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยความสุขชุมชน ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นดังกล่าวแบบเรียลไทม์จากกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศจำนวนทั้งสิ้น 1,703 ครัวเรือน เมื่อวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา ในหัวข้อ การบ่งเพาะกิจกรรมเพื่อชาติ บรรยากาศสังคมไทย กับการทำดีเพื่อแม่ สิงหาคม 2552