พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ที่ปรึกษาและประธานคณะกรรมการตรวจสอบของสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย ออกโรงเตือนรัฐบาลปกป้องพื้นที่เกาะกูด อย่าเพิกเฉยปล่อยให้รัฐบาลกัมพูชาอ้างเป็นพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล หวั่นเสียดินแดนซ้ำรอยกรณีปราสาทพระวิหาร
"วันนี้เรากำลังเสียดินแดน พื้นที่ตรงเกาะกูดเป็นพื้นที่ของคนไทยแน่นอน แต่รัฐบาลปล่อยให้กัมพูชาบอกว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อน และนายกรัฐมนตรียังเฉย มัวไปเดินถ่ายแบบ ตอนเป็นฝ่ายค้านเรื่องเขาพระวิหารท่านทำได้เยี่ยมมาก ผมยังอยากไปกราบท่าน แต่เมื่อเป็นนายกฯ กลับไม่พูดเลย" พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวทางรายการวิทยุ
ทั้งนี้ รัฐบาลกัมพูชาได้ให้สัมปทานบริษัท โทเทลจากประเทศฝรั่งเศส ในการให้สำรวจ รวมทั้งขุดเจาะน้ำมันและก๊าซในอ่าวไทยซึ่งเป็นพื้นที่ในบริเวณเขตทับซ้อนไทย-กัมพูชา
ส่วนเรื่องปราสาทพระวิหารนั้นศาลโลกตัดสินให้กัมพูชาเป็นเจ้าของเพียงตัวปราสาทเท่านั้น พื้นที่ใต้ดินยังเป็นของไทย แต่วันนี้รัฐบาลกลับเพิกเฉย และหากต้นปีหน้าทางยูเนสโก้รับรองเขาพระวิหารให้เป็นมรดกโลกจะทำให้ไทยจะเสียดินแดนอีก 1.5 ล้านตารางกิโลเมตร
"รัฐมนตรีต่างประเทศที่เคยร่วมต่อสู้กับผม แต่ตอนนี้กลับเงียบ ถ้ายุ่งยากนักท่านออกจากสมาชิกยูเนสโก้จะทำให้เขาขึ้นมรดกโลกไม่ได้ แต่วันนี้ไม่ได้ทำอะไร" พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าว
สำหรับการจัดการของกองทัพเรือนั้น พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวว่า ถ้าตนเองเป็นผู้มีอำนาจจะต้องประกาศว่าพื้นที่ประเทศไทยถูกรุกเป็นพื้นที่ทับซ้อน ไม่ต้องคอยรัฐบาล
"หากปล่อยให้เขาปักฐานขุดเจาะแล้วจะยุ่ง เพราะฝรั่งเศสเป็นประเทศมหาอำนาจ และวันนี้ทหารกัมพูชาฮึกเหิมมาก แต่เราต้องแสดงแสนยานุภาพ และทหารเรือเรายังมีศักยภาพในการรบเหนือกว่าประเทศแถวนี้มาก เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญเป็นเรื่องของอธิปไตย แต่ท่านยังยิ้มอยู่ ท่าน(ผบ.ทร.)อยากจะให้ประชาชนพูดถึงท่านในแง่ไหนเมื่อท่านลงจากตำแหน่ง" พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าว
ทั้งนี้มีรายงานว่า กองทัพเรือได้ส่งกองเรือภาค 1 ไปลอยลำในบริเวณน่านน้ำเกาะกูด เพื่อเป็นการแสดงสัญลักษณ์ถึงการเป็นเจ้าของน่านน้ำทะเล และ พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร.ได้สั่งการให้หน่วยปฏิบัติการเกาะกูดจับตาดูความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด