สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิตการ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่องการพิจารณาแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ โดยประชาชนส่วนใหญ่ 63.58% เห็นว่าการที่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ(ก.ตช.) ลงมติคัดค้านการเสนอชื่อ พล.ต.อ.ประทีป ตันประเสริฐ เป็นผบ.ตร.คนใหม่ ตามการเสนอของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีนั้น ส่งผลให้ความมั่นใจต่อเสถียรภาพของรัฐบาลลดลง เพราะฝ่ายนายกฯ แพ้มติ,พรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะ รมว.มหาดไทย ยังลงมติคัดค้านทำให้เกิดความแตกแยกในพรรคร่วมรัฐบาล
ขณะที่ประชาชน 20.41% ไม่แน่ใจว่าจะส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลหรือไม่ เพราะอาจจะเป็นแค่เกมการเมือง,ไม่รู้ใจนักการเมือง ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรทางการเมือง และอีก 16.01% ระบุว่าไม่กระทบต่อความมั่นใจต่อเสถียรภาพของรัฐบาล เพราะเป็นเกมการเมืองที่มีการต่อรองกัน, เป็นความคิดเห็นที่ขัดแย้งซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาทางการเมือง
จากกรณีที่เกิดขึ้นประชาชนส่วนใหญ่ 52.64% มองอำนาจการต่อรองของนายกฯ ต่อพรรคร่วมรัฐบาลว่ามีอำนาจการต่อรองน้อยลง เพราะไม่ได้แรงสนับสนุนจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และเห็นว่าพรรคร่วมรัฐบาลเกรงใจนายสุเทพ มากกว่า,นายกฯ ประมาทเกินไป มีประสบการณ์ทางการเมืองน้อย ขณะที่อีก 27.87% มองว่าพรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทยเดินเกมการเมืองเหนือนายกฯ เพราะพรรคภูมิใจไทยมีนายเนวิน ชิดชอบ หนุนอยู่, พรรคภูมิใจไทยวางแผนดี มีประสบการณ์มากกว่าและต่อรองเก่ง
ส่วนแนวทาง 3 อันดับแรกที่จะทำให้ปัญหาการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ไม่บานปลายและไม่เกิดความวุ่นวายทางการเมืองนั้น อันดับแรกพรรคประชาธิปัตย์ต้องเร่งสะสางปัญหาในพรรคให้เกิดความสามัคคี โดยเฉพาะระหว่างนายกฯ กับนายสุเทพ รองลงมา เห็นว่าต้องสร้างความเข้าใจระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคโดยเร่งด่วน และอันดับสาม พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะแกนนำรัฐบาลต้องไม่ประมาท หรือละเลยพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคในทุกกรณี
ทั้งนี้ประชาชนส่วนใหญ่มองภาพรวมกรณีการพิจารณาแต่งตั้ง ผบ.ตร.ว่า เป็นตำแหน่งที่สำคัญทั้งอำนาจและผลประโยชน์ที่ทุกฝ่ายต้องการ รองลงมา มองว่าเป็นเกมการเมืองที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด แสดงพลังทางการเมือง และอันดับ 3 มองว่าเป็นเรื่องของการเล่นพรรคเล่นพวก
ผลสำรวจดังกล่าว มาจากความคิดเห็นประชาชน 14 จังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 2,293 คน แบ่งเป็น กทม. 1,016 คน และต่างจังหวัด 1,277 คน ในระหว่างวันที่ 20-22 สิงหาคม 2552