เกาหลีใต้เผยดาวเทียมมีการยิงขึ้นไปพร้อมกับจรวดเมื่อวานนี้ และไม่สามารถเคลื่อนตัวเข้าสู่วงโคจรตามแผนได้นั้น อาจจะลุกไหม้ในชั้นบรรยากาศและตกลงมาสู่พื้นโลก
คิม จุง ยุน รัฐมนตรีช่วยกระทรวงศึกษาธิการ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีของเกาหลีใต้ กล่าวว่า ดาวเทียมไม่สามารถแยกตัวจากจรวดในระดับความสูงที่กำหนดไว้ได้ เจ้าหน้าที่ด้านอวกาศของกระทรวงเชื่อว่า ดาวเทียมของเกาหลีใต้ที่มีน้ำหนัก 100 กิโลกรัมนี้อาจจะถูกทำลายลงในชั้นบรรยากาศของโลก
เมื่อวานนี้ เกาหลีใต้ได้ยิงจรวดนาโร่หนัก 140 ตันจากชายฝั่งทางตอนใต้ เพื่อส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจร โดยจรวดดังกล่าวออกแบบโดยรัสเซียและผลิตโดยเกาหลีใต้ ซึ่งทุ่มงบลงทุนกับโครงการอวกาศไปแล้วประมาณ 5 แสนล้านวอน หรือ 400 ล้านดอลลาร์นับตั้งแต่ปี 2545 รวมถึงงบในการสร้างศูนย์อวกาศนาโร่มูลค่า 3.12 แสนล้านวอนเมื่อปี 2548
บลูมเบิร์กรายงานว่า ลี โจ จิน ประธานสถาบันวิจัยอวกาศของเกาหลีใต้ กล่าวว่า ดาวเทียมดีดตัวออกจากจรวดหลังจากที่ถูกยิงไปและอยู่ที่ระดับความสูง 342 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ไม่สามารถระบุตำแหน่งของดาวเทียมได้ และต้องยกเลิกแผนการติดต่อกับดาวเทียมในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากไม่มีตัวกลางประสานงานเรื่องการติดต่อสื่อสาร
ทั้งนี้ แต่เดิมนั้น สถาบันวิจัยฯวางแผนที่จะติดต่อกับดาวเทียมในเวลาตี 4 วันนี้ โดยดาวเทียมดังกล่าวถูกออกแบบมาเพื่อให้รวบรวมข้อมูลบนชั้นบรรยากาศโลกเป็นเวลา 2 ปี
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โครงการยิงจรวดพบข้อผิดพลาด ส่งผลให้มีการตรวจสอบเพราะอาจจะเกิดการสูญเสียแรงดันและจะทำให้ขั้นตอนการนับถอยหลังในการปล่อยจรวดกินเวลาไม่ถึง 8 นาที
เกาหลีใต้ส่งดาวเทียมสู่วงโคจรไปแล้ว 10 ดวงนับตั้งแต่ปี 2535 แต่เป็นจรวดที่ผลิตและยิงในต่างประเทศทั้งหมด ดังนั้นเกาหลีใต้จึงหวังว่าจะพัฒนาจรวดเองทั้งหมดให้ได้ภายในปี 2561 และจะส่งยานอวกาศไปโคจรรอบดวงจันทร์ภายในปี 2563 สำนักข่าวซินหัวรายงาน