Air Line Pilots Association ซึ่งเป็นสหภาพนักบินสหรัฐ เรียกร้องให้สำนักงานการบินของรัฐบาลสหรัฐออกคำสั่งห้ามขนแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน หรือผลิตภัณฑ์ที่บรรจุแบตเตอรี่ลิเธียมจำนวนมากขึ้นเครื่องบินโดยสารหรือเครื่องบินขนส่ง เพราะอาจทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้ พร้อมระบุว่านับตั้งแต่เดือนมิ.ย.เป็นต้นมา แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนส่งผลให้เกิดไฟไหม้บนเครื่องบินถึง 3 ครั้ง
ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตรวจพบเปลวไฟลุกไหม้บนเครื่องบินที่บรรทุกบุหรี่ 1,000 หีบที่ภายในบรรจุอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ที่เป็นตัวนำสารนิโคตินให้กับผู้สูบ หลังจากเครื่องบินร่อนลงจอดที่สนามบินนานาชาติมินนีอาโพลิส-เซนต์พอล และอีกเหตุการณ์หนึ่งคือโทรศัพท์มือถือที่นำขึ้นเครื่องบินของบริษัทยูไนเต็ด พาร์เซล เซอร์วิส (ยูพีเอส) จากรัฐมิชิแกนไปยังสาธารณรัฐโดมินิกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่พบว่ามีเพลิงลุกไหม้ แม้ที่หีบห่อจะติดคำว่า แบตเตอรี่ใช้แล้วและไม่ติดไฟก็ตาม
ส่วนอีกเหตุการณ์หนึ่งคือพบเปลวเพลิงลุกไหม้บนเครื่องบินที่บรรทุกรถจักรยานที่ติดตั้งอุปกรณ์แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน บนเครื่องบินขนส่งของบริษัทยูพีเอสจากรัฐแคลิฟอร์เนีย ไปยังเมืองฮอนโนลูลูเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.
มาร์ค โรเจอร์ส ผู้อำนวยการสหภาพนักบินกล่าวว่า "หลักฐานเหล่านี้ชัดเจนมากและอันตรายในปัจจุบันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเหตุนี้เราต้องการให้รัฐบาลมีคำสั่งเร่งด่วนเพื่อห้ามนำผลิตภัณฑ์ที่เป็นอันตรายเช่นนี้ขึ้นเครื่องบิน เพื่อปกป้องชีวิตของผู้ด้วยสาร ลูกเรือ และเครื่องบิน"
อย่างไรก็ตาม สหภาพนักบินย้ำว่าทางสหภาพไม่มีเป้าหมายที่จะห้ามผู้โดยสารนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกที่บรรจุแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนขึ้นเครื่องบิน อาทิ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค โทรศัพท์มือถือ และกล้องถ่ายรูป แต่สิ่งที่กำลังคือการใช้เครื่องบินบรรทุกแบตเตอรี่จำนวนมาก เพราะหากแบตเตอรี่ลัดวงจร ก็จะทำให้เกิดเปลวไฟและทำให้เกิดประกายไฟไปยังแบตเตอรี่อื่นๆได้
ด้านนายพอล ทาเคโมโต โฆษกสำนักงานการบินแห่งชาติสหรัฐกล่าวว่า "สำนักงานการบินทำงานโดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก และมีกฎข้อบังคับเข้มงวดในการจัดการกับปัญหาต่างๆ สำหรับขอเรียกร้องของสหภาพนักบินนั้น เรายังไม่มีแผนที่จะใช้มาตรการฉุกเฉิน แต่จะติดตามดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด" เอพีรายงาน