สวนดุสิตโพล เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล จำนวน 1,137 คน เมื่อวันที่ 29 ส.ค.52 กรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดง ประกาศเลื่อนการชุมนุม เป็นวันที่ 5 ก.ย.52 จากเดิมทีจะมีการชุมนุมในวันอาทิตย์ที่ 30 ส.ค.52 จากการที่ รัฐบาลจึงประกาศ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงในเขตดุสิต เพื่อป้องกันเหตุร้ายจากการชุมนุม และจะเลื่อนการชุมนุมออกไป หากรัฐบาลยังประกาศ พรบ.ความมั่นคงอีก
จากเหตุการณ์ดังกล่าว พบว่า ความคิดเห็นของประชาชน ต่อการเลื่อนชุมนุมของคนเสื้อแดง ส่วนใหญ่ 27.59% ยังรู้สึกกังวลเหมือนเดิมเพราะเป็นเพียงการเลื่อนชุมนุมออกไปเท่านั้น รองลงมา รู้สึกโล่งใจ จะได้ไม่เกิดการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับผู้ชุมนุม ไม่อยากเห็นบ้านเมืองต้องวุ่นวายอีก ถ้าจะชุมนุมก็ควรอยู่ในขอบเขต ทางแกนนำเสื้อแดงอาจเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของผู้มาชุมนุม และ เป็นเกมการเมือง มีการวางแผนมาแล้วล่วงหน้า
ทั้งนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ถึง 52.48% คิดว่าการเลื่อนชุมนุมครั้งนี้เป็นการแก้เกมการเมือง เพราะ เป็นการชิงไหวชิงพริบ ชิงความได้เปรียบ,การประกาศ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงเป็นตัวแปรสำคัญของการเลื่อนชุมนุมครั้งนี้ , ทางกลุ่มเสื้อแดงต้องการปั่นหัวรัฐบาล ขณะที่ 31.40% ไม่แน่ใจ เพราะ เป็นการตัดสินใจของแกนนำเสื้อแดงอย่างกะทันหัน ,อาจกลัวว่าผู้มาชุมนุมจะไม่ได้รับความปลอดภัย และ 16.12% มองว่า ไม่เป็นการแก้เกมการเมือง เพราะทางแกนนำเสื้อแดงอาจยังไม่พร้อมที่จะชุมนุมในครั้งนี้ ,เป็นเพียงการเลื่อนชุมนุมออกไปก่อนเท่านั้น
ส่วนความคิดเห็น ถ้าประชาชน “เป็นรัฐบาล" จะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร ส่วนใหญ่เห็นว่า ควรรอดูท่าทีของกลุ่มเสื้อแดงไปก่อน และไม่ให้ข่าวที่เป็นการยั่วยุ รองลงมา อนุญาตให้มีการชุมนุมได้แต่ต้องอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงต่อไปอีก กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าระวังสถานการณ์ต่างๆอย่างใกล้ชิด และขอเจรจากับแกนนำเสื้อแดงอย่างสันติวิธี
และ “ถ้าประชาชน “เป็นแกนนำเสื้อแดง" จะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร ส่วนใหญ่ 30.27% จะชุมนุมอย่างสงบ ไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน รองลงมาก จะควบคุมดูแลผู้มาชุมนุมอย่างใกล้ชิด พึงระวังมือที่สามมาป่วน ขอเจรจากับรัฐบาลอย่างสันติวิธี มีการทบทวนผลดี ผลเสียจากการชุมนุมอย่างรอบคอบ และเรียกร้องอย่างมีเหตุผล ไม่เอาอารมณ์มาตัดสินใจ
สิ่งที่ประชาชนอยากฝากบอกทั้งรัฐบาลและฝ่ายเสื้อแดงนั้น ส่วนใหญ่ อยากให้นึกถึงความสงบสุขของประเทศชาติบ้านเมืองเป็นสำคัญ อยากให้หันหน้าเข้าหากัน พูดคุยกันอย่างสันติวิธีจะดีกว่า ไม่ควรใช้ความรุนแรงเป็นเครื่องตัดสิน อยากให้ทั้ง 2 ฝ่ายมีความจริงใจในการแก้ปัญหา /ไม่เล่นเกมการเมือง และอยากเห็นความสมานฉันท์เกิดขึ้นในบ้านเมืองเรา