เอแบคโพลล์ เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง ความสุขมวลรวมวันนี้ ของประชาชนภายในประเทศ (GDH Index) เดือน ส.ค.52 โดยสำรวจความเห็นจากประชาชน 17 จังหวัด จำนวนทั้งสิ้น 1,292 ครัวเรือน เมื่อ 29 ส.ค.52 พบว่า ค่าความสุขมวลรวมของประชาชนทั้งประเทศเดือน ส.ค. อยู่ที่ 7.18 เพิ่มขึ้นจากการสำรวจเมื่อ ก.ค. ที่อยู่ที่ 5.92
โดยค่าดัชนีความสุขของประชาชนคนไทยสูงสุดอยู่ที่ 9.20 เมื่อเห็นคนไทยแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันฯ และงานวันเฉลิมพระชนม์พรรษามหาราชินี รองลงมาคือความสุขต่อบรรยากาศของคนในครอบครัว ความสุขต่อวัฒนธรรมประเพณีไทย การนอนหลับได้สนิทอยู่ที่ สุขภาพใจอยู่ที่ ความสุขทางกาย ความสุขต่อหน้าที่การงาน
ปัจจัยที่ทำให้ความสุขของคนไทยเพิ่มขึ้นในเดือน ส.ค. มาจากสุขภาพใจ ภาวะเศรษฐกิจของตนเองและครอบครัว การแสดงความจงรักภักดีของคนไทย การนอนหลับได้สนิท และ บรรยากาศภายในครอบครัว
ส่วนความเห็นต่อการประกาศเลื่อนการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง (นปช.) ส่วนใหญ่ 53.1% เห็นด้วย และ 36.8% ไม่เห็นด้วย และ ประชาชนส่วนใหญ่ 61.4% คิดว่าสังคมไทยจะสงบสุขได้ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หยุดการเคลื่อนไหวทางการเมือง
สำหรับทางออกที่ดีที่สุดของรัฐบาลชุดปัจจุบันในเวลานี้ ประชาชนส่วนใหญ่ 47.4% ระบุว่าทำงานต่อไป 34.5% ระบุการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ 11%เปลี่ยนขั้วรัฐบาล โดยไม่ต้องยุบสภา และ 6.8% ระบุนายกรัฐมนตรีลาออก มีเพียง 0.3% เท่านั้นที่ระบุให้มีการยึดอำนาจ ปฏิวัติเป็นทางออก
นายนพดล กรรณิการ์ ผอ.ศูนย์วิจัยความสุขชุมชน เอแบคโพล กล่าวว่า กล่าวสรุปว่า ความสุขของประชาชนคนไทยประจำเดือน ส.ค.เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยจะเห็นได้ว่าไม่ใช่เป็นเพราะปัจจัยสำคัญทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แตกต่างไปจากแนวนโยบายของรัฐบาลประเทศอุตสาหกรรมที่มักจะเน้นตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจเป็นหลัก
แต่ประเทศไทยนั้น การเห็นคนไทยแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันคือปัจจัยสำคัญ การนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตทำให้อยู่ได้อย่างมีความสุขในทุกสถานการณ์ บรรยากาศของคนในครอบครัว บรรยากาศความสัมพันธ์ของคนในชุมชน มีน้ำใจไมตรีจิตช่วยเหลือเกื้อกูลกัน แต่ปัจจัยที่ฉุดรั้งให้ความสุขของคนไทยลดต่ำลง มีเรื่องของบรรยากาศทางการเมืองและสถานการณ์ความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ทั้งนี้ ขอเสนอแนะทางออกการแก้ปัญหา โดย นักการเมืองผู้ทรงอิทธิพลน่าจะไตร่ตรองผลสำรวจครั้งนี้ให้ลึกซึ้งจะได้หยุดเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ไม่สร้างสรรค์และทำลายความสุขของคนไทยทั้งประเทศ แต่หันหน้าเข้าช่วยเหลือกันนำพาประเทศให้พ้นวิกฤตการณ์ต่างๆ
ส่วนสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ลดทอนความสุขของคนไทยในภูมิภาคอื่นๆ ที่อาจมองได้สองด้านคือ คนไทยไม่ว่าจะอยู่ภาคใดก็มีจิตใจผูกพันเป็นทุกข์ร่วมกันกับคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงสะท้อนให้เจ้าหน้าที่ของรัฐในพื้นที่ได้ตระหนักทำหน้าที่อำนวยความยุติธรรมและดูแลความปลอดภัยของประชาชนทุกหมู่เหล่าอย่างเท่าเทียม และสถาบันสื่อมวลชนควรนำเสนอข่าวในแง่ดีบ้างที่ยังสามารถพบเห็นได้เป็นส่วนใหญ่มากกว่าข่าวสารการก่อการร้ายด้านเดียว เพราะข่าวสารที่คาดกันว่าเป็นการสร้างสถานการณ์กำลังลดทอนความสุขของคนไทยทั้งประเทศ