สวนดุสิตโพล เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 2,126 คน ระหว่างวันที่ 9-12 ก.ย.52 เรื่อง ความขัดแย้ง ที่ส่งผลต่อการเมืองไทย ณ วันนี้ จากเหตุการณ์บ้านเมืองที่ยังคงสับสน วุ่นวายอ และมีทีท่าว่าจะยืดเยื้อต่อไป อีกทั้งในวันที่ 19 ก.ย.52 ที่มีการประกาศของกลุ่มคนเสื้อแดงว่าจะมีการรวมตัวชุมนุมครั้งใหญ่ ซึ่งทำให้หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องรู้สึกเป็นห่วงและไม่อยากเห็นความไม่สงบในบ้านเมืองต้องเกิดขึ้นอีก พบว่า ความขัดแย้งและแตกแยกของประชาชนโดยเฉพาะ เสื้อเหลือง กับเสื้อแดง ทำให้พฤติกรรมของประชาชนเปลี่ยนไป โดยประชาชนส่วนใหญ่ 40.38% รู้สึกเบื่อการเมืองมากขึ้นกว่าเดิม รองลงมา 26.92% เมื่ออยู่นอกบ้านต้องระวังคำพูดมากขึ้น ไม่กล้าพูดคุยเรื่องการเมืองกับคนอื่น 17.31% ไม่ใส่เสื้อสีเหลือง สีแดงเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาและการเข้าใจผิด 11.54% ติดตามข่าวสารมากขึ้นโดยมีการคิด วิเคราะห์หาเหตุผลมารองรับ และ 3.85% ความเลื่อมใสศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยลดน้อยลง
ส่วนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการเมืองไทย ท่ามกลางความขัดแย้งและแตกแยกของประชาชน โดยเฉพาะ “เสื้อเหลือง" “เสื้อแดง" ส่วนใหญ่ 68.51% มีความเชื่อมั่นลดลง เพราะ การเมืองไทยในวันนี้มีแต่ความขัดแย้ง รัฐบาลไม่สามารถจัดการหรือควบคุมเหตุการณ์ต่างๆให้ยุติลงได้ รัฐบาลไม่มีเสถียรภาพในการบริหารงาน รองลงมา 31.49% เหมือนเดิม เพราะ ยังเชื่อมั่นในความพยายามของรัฐบาลที่จะแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ซึ่งต้องใช้เวลาและค่อยเป็นค่อยไป ,เป็นเรื่องปกติทางการเมือง ,ไม่คาดหวังกับการเมืองบ้านเราอยู่แล้ว
ถ้าประชาชนเป็น นายกรัฐมนตรี จะแก้ปัญหาความแตกแยกนี้อย่างไร ความเห็นส่วนใหญ่ 35.71% พยายามทุกวิถีทางเพื่อหาแนวทางสร้างความสมัครสมานสามัคคีของคนในชาติให้กลับมาเหมือนเดิม รองลงมา 26.79% ให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย ไม่ลำเอียง ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทุกคนมีสิทธิและความเสมอภาคเหมือนกัน 17.86% เชิญแกนนำทั้ง 2 ฝ่าย (เสื้อเหลือง เสื้อแดง) มาพูดคุยกันเพื่อหาข้อยุติ 12.50% ต้องพิสูจน์ให้ประชาชนเห็นว่าขณะนี้รัฐบาลได้พยายามที่จะแก้ไขปัญหา โดยแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น ตั้งใจ และความโปร่งใสในการทำงาน และ 7.14% ยุบสภา เลือกตั้งใหม่