รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เตรียมพิจารณากรอบการประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร เพื่อควบคุมดูแลความเรียบร้อยการนัดชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 19 ก.ย.นี้ ซึ่งหน่วยงานด้านความมั่นคงจะประเมินสถานการณ์เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจครั้งนี้
นอกจากนี้ ยังมีการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงประจำปีในหลายกระทรวงสำคัญ ซึ่งในจำนวนนี้มี 4 กระทรวงซึ่งอยู่ในการกำกับดูแลของรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทยที่เป็นข่าวมาตลอด
ส่วนวาระอื่นที่น่าสนใจ ได้แก่ กระทรวงยุติธรรมขออนุมัติงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อการฉุกเฉินหรือจำเป็นของกรมราชทัณฑ์เกี่ยวกับการขออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมรายการค่าใช้จ่ายของผู้ต้องขังในเรือนจำ จากเดิมมีจำนวนผู้ต้องขังทั้งหมด 151,000 คน เพิ่มขึ้นเป็น 172,182 คน โดยมีค่าใช้จ่ายรายการอาหารคนละ 2,321 บาทต่อปี
กระทรวงกลาโหมขออนุมัติให้กองทัพบกก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณโครงการจัดหาปืนเล็กยาวขนาด 5.56 มิลลิเมตร ระยะที่ 4(ทบ.1399) จำนวน 13,868 กระบอก วงเงิน 27,777,604 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 965 ล้านบาท โดยวิธีพิเศษจากบริษัท Israel Weapon Industeies(IWI) Ltd.ประเทศอิสราเอล ระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี(52-54) แยกเป็น ปี 52 จำนวน 200 ล้านบาท ปี 53 จำนวน 200 ล้านบาท และปีงบ 54 อีก 565 ล้านบาท
อาวุธดังกล่าวงจะนำไปแจกจ่ายให้หน่วยกำลังรบหลักของกองทัพบกเพื่อให้มียุทโธปกรณ์ตามอัตราและแจกจ่ายให้แก่หน่วยเป้าหมาย เพื่อทดแทนของเดิมที่มีสภาพเก่าล้าสมัยและชำรุดเนื่องจากการใช้งานมานาน เพิ่มขีดความสามารถกำลังรบตามแนวทางการสร้างความสมบูรณ์หรือความพร้อมรบด้านยุทโธปกรณ์ให้หน่วยกำลังรบหลัก รวมทั้งสร้างความพร้อมรบของหน่วยกำลังรบหลักให้สามารถต้านทานภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความล่อแหลมต่ออันตรายในระหว่างการสู้รบเอาชนะภัยคุกคามจากภายนอกประเทศ
ขณะที่กระทรวงคมนาคมเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการแก้ไขปัญหาและพัฒนาประสิทธิภาพสนามบินสุวรรณภูมิ โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พร้อมด้วย รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา และ รมว.คมนาคม รวมทั้งนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีต รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมเป็นกรรมการด้วย
นอกจากนี้กระทรวงการต่างประเทศขอความเห็นชอบร่างเอกสารท่าทีไทยสำหรับการประชุมใหญ่สมัชชาองค์การสหประชาชาติ(ยูเอ็น)สมัยที่ 64 ระหว่างวันที่ 21-27 ก.ย.52 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปร่วมประชุม ประกอบด้วย 9 หมวด ได้แก่ 1.รายงานบทบาทด้านสันติภาพขององค์การสหประชาชาติ 2.บทบาทในการป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคเอดส์ 3.การช่วยเหลือประเทศแอฟริกา
4.การสนับสนุนแนวทางการทำงานของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน 5.การช่วยเหลือสิทธิมนุษยชนและการบรรเทาภัยธรรมชาติ 6.กฎหมายทางทะเล 7.การสนับสนุนบทบาททบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ และ การลดอาวุธนิวเคลียร์ 8.การควบคุมและป้องกันยาเสพติดระหว่างประเทศ และ 9.ร่างของบประมาณปกติขององค์การสหประชาชาติปี 53-54