นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตั้งแต่ 6-12 ก.ย.52 มีจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 รวม 11 ราย แยกเป็นชาย 6 ราย และหญิง 5 ราย 2 ใน 3 มีโรคประจำตัว ทำให้ยอดรวมของผู้เสียชีวิตตั้งแต่ 28 เม.ย.52 จนถึงปัจจุบันมีทั้งหมด 153 ราย
พร้อมกันนี้ได้มอบหมายให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เพิ่มความรู้ให้ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) และเร่งให้อสม.ประสานงานและทำงานร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซ้อมแผนปฏิบัติงานป้องกันควบคุมโรคในระดับชุมชนให้ครบ หากมีการระบาดจริงในชุมชนก็จะสามารถจำกัดวงระบาดและลดการสูญเสียที่จะเกิดขึ้นได้
นพ.ไพจิตร์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้องค์การอนามัยโลก(WHO) เตือนให้มีการเฝ้าระวังการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ระลอก 2 ประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ 5 ยุทธศาสตร์ คือ 2 ลด 3 เร่ง โดยทิศทางการแพร่ระบาดของไทยกระจายไปในพื้นที่จังหวัดที่มีขนาดเล็กเพิ่มขึ้น ได้กำชับให้สถานบริการสาธารณสุขทุกแห่ง โดยเฉพาะสถานีอนามัยให้การดูแลผู้ป่วยอย่างเต็มที่ หากพบผู้ที่มีอาการของไข้หวัด ขอให้สันนิษฐานว่าเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ไว้ก่อน และส่งตัวพบแพทย์เพื่อดูแลรักษาโดยเร็ว
มอบนโยบายให้แพทย์ที่รักษาให้ยาผู้ป่วยที่มีอาการเข้าข่ายทุกรายโดยไม่ต้องรอผลแล็ป เพื่อลดอัตราการเสียชีวิต และเตรียมจัดทีมผู้เชี่ยวชาญออกติดตามและให้ความช่วยเหลือจังหวัดที่พบปัญหา ขณะนี้ได้กระจายยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ ให้โรงพยาบาลทุกจังหวัดและคลินิกที่ร่วมโครงการเพียงพอแล้ว และให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงฯ กำกับการทำงานในพื้นที่ด้วย นอกจากนี้ขอความร่วมมือร้านขายยา หากพบผู้ป่วยเข้าข่ายให้แนะนำไปรักษาตัวในโรงพยาบาลทันที เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับยาที่รวดเร็ว
"โดยเฉพาะในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนนี้ เป็นช่วงที่จะต้องเฝ้าระวังโรคอย่างใกล้ชิด และมีความเสี่ยงโรคแพร่สู่พื้นที่ชนบทเพิ่มได้ เนื่องจากโรงเรียนจะปิดเทอม เด็กที่มาเรียนในเมืองจะกลับบ้านในชนบท บางแห่งอาจมีกิจกรรมออกค่าย และมีเทศกาลงานบุญสำคัญ ซึ่งจะมีกลุ่มคนมาทำกิจกรรมร่วมกันจำนวนมาก อาจติดเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่ได้ หากไม่ป้องกันตัว" นพ.ไพจิตร์ กล่าว