โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.) เผยห่วงมือที่สามจุดชนวนให้เกิดเหตุรุนแรงในช่วงการนัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง เพราะไม่เชื่อว่าแกนนำจะสามารถดูแลหรือสั่งการควบคุมมวลชนได้
"เราไม่ห่วงผู้ที่มาชุมนุม แต่ว่าห่วงคนที่แอบปะปนมาแล้วใช้กลุ่มผู้ชุมนุมสร้างสถานการณ์ที่ตัวเองต้องการให้เกิดขึ้น...ไม่สามารถยืนยันได้ว่าผู้มาร่วมชุมนุม ใครเป็นใครบ้าง เขา(แกนนำ)คงไม่รู้จักทั้งหมด" พล.ต.ดิฏฐพร ศศะสมิต โฆษก กอ.รมน.กล่าวทางรายการวิทยุเช้านี้
โฆษก กอ.รมน.กล่าวว่า คงไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่ามือที่สามจะเป็นใคร แต่น่าจะเป็นผู้ที่ไม่พอใจการปฏิบัติของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็ไปดำเนินการยั่วยุให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน แต่คาดว่าไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรง
ช่วงบ่ายวันนี้ คณะกรรมการอำนายการ กอ.รมน.จะประชุมพิจารณาอนุมัติแผนงานและโครงสร้างศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.) หลังรัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร เฉพาะพื้นที่เขตดุลิต ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้จนถึงวันที่ 22 ก.ย.52
"เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการอำนวยการฯ แล้ว ผู้ปฏิบัติจะได้เริ่มปฏิบัติได้" พล.ต.ดิฏฐพร กล่าว
ทั้งนี้ จะมีการจัดทำข้อกำหนดให้เป็นไปตามมาตรา 18 ของ พ.ร.บ.ดังกล่าว โดยกำหนดเส้นทางและพื้นที่ที่ห้ามประชาชนสัญจรเข้า-ออก ซึ่งจะปรับเปลี่ยนจากครั้งก่อนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ สำหรับพื้นที่ที่จะจัดกำลังพลเข้าไปดูแลเป็นพิเศษ ได้แก่ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน รัฐสภา ทำเนียบรัฐบาล และบ้านสี่เสา
"ถ้าผู้ชุมนุมทำตามขอบเขตของกฎหมายก็ไม่มีปัญหาอะไร" พล.ต.ดิฏฐพร กล่าว
โฆษก กอ.รมน.กล่าวว่า ไม่รู้สึกหนักใจหรือเป็นกังวลกับการปฏิบัติหน้าที่ หลังจาก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดการสลายม็อบกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 7 ต.ค.51 เพราะเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตามขั้นตอนของแผนกรกฎ 52 ที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล ซึ่งเชื่อว่าคงไม่มีผู้ชุมนุมคนใดพยายามสร้างสถานการณ์เพื่อหวังให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้นมา แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้รับผิดชอบที่จะประเมินสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลา
"ไม่น่าจะใช้(แก๊สน้ำตา) ถ้าเผื่อไม่มีความพยายามที่จะฝืนกฎกติกาตามกรอบของกฎหมาย...ต้องประเมินสถานการณ์แต่ละช่วงเวลาก่อนแล้วผู้ใหญ่จะเป็นคนตัดสินใจเอง" พล.ต.ดิฏฐพร กล่าว