ออสเตรเลียจะเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ให้กับประชาชนในวันที่ 30 ก.ย.นี้ หลังจากที่หน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการกำกับดูแลได้อนุมัติวัคซีนของบริษัท ซีเอสแอล แล้ว โดยจะมีการจัดส่งวัคซีน 4 ล้านโดสให้กับโรงพยาบาลและคลินิคต่างๆในสัปดาห์หน้า
การส่งมอบวัคซีนที่รวดเร็วกว่าคาดการณ์ทำให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขของออสเตรเลียมีโอกาสในการควงคุมการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ได้ดีกว่าเดิม และยังสร้างความหวังในการป้องกันให้กับประชาชนที่มีจำนวนเกือบครั้งหนึ่งของประชากรทั่วโลก โดยรัฐบาลประเทศต่างๆจะต้องโน้มน้าวให้กลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคหอบหืด เจ้าหน้าที่ที่ทำงานด้านสาธารณสุข ได้รับวัคซีน
บลูมเบิร์กรายงานว่า นิโคลา ร็อกซอน รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขออสเตรเลีย กล่าวว่า ออสเตรเลียจะเป็นหนึ่งในประเทศกลุ่มแรกๆที่ฉีดวัคซีนให้กับประชาชน ซึ่งการฉีดวัคซีนนี้เป็นวิธีการป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่ดีที่สุด แต่เราก็ยังขอย้ำว่า ไวรัสสายพันธุ์นี้ยังไม่ได้มีอันตรายมากนักสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่จะมีผลกระทบที่รุนแรงกับประชาชนบางกลุ่ม
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วใน 177 ประเทศในช่วงเวลาเพียงแค่ 4 เดือน จีนเองมีแผนการฉีดวัคซีนให้กับกองทัพในช่วงสิ้นเดือนนี้ ส่วนสหรัฐก็วางแผนที่จะเริ่มฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั่วประเทศในช่วงต้นเดือนต.ค. ดังนั้น กำหนดการฉีดวัคซีนของออสเตรเลียจึงอาจจะเป็นประเทศแรกที่ออกสตาร์ทก่อนใคร
โจดี ลานาร์ด แพทย์ในสหรัญ กล่าวว่า ประเทศต่างๆจะต้องจับตาโครงการฉีดวัคซีนกันชนิดไม่กระพริบตาเลยทีเดียว
แนนซี่ ค็อกซ์ ผู้อำนวยการฝ่ายไข้หวัดใหญ่ของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค กล่าวว่า ผลการทดสอบของการฉีดวัคซีนในเบื้องต้นพบว่า การฉีดวัคซีนจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดีได้ภายในระยะเวลา 8-10 วัน โดยฉีดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น จากเดิมที่มีการคาดการณ์กันก่อนหน้านี้ว่า จะต้องฉีดวัคซีนถึง 2 ครั้ง ส่งผลให้วัคซีนที่มีการผลิตขึ้นมามีจำนวนมากขึ้นพอที่จะจัดส่งไปยังประเทศกำลังพัฒนา
อเมริกาเหนือ เอเชียเหนือ อังกฤษ และยุโรปต่างเร่งผลิตวัคซีนให้พร้อม เนื่องจากฤดูหนาวที่กำลังมาเยือนนี้ทำให้สภาพอากาศแห้งขึ้นและหนาวขึ้นกว่าเดิม ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจจะทำให้ประชาชนรวมตัวกันอยู่ในอาคาร และอาจจะทำให้เกิดการแพร่กระจายของไวรัสมากขึ้น ขณะที่ช่วงเวลาที่ไข้หวัดใหญ่ระบาดสูงสุดในออสเตรเลียได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว