นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ยอมรับว่า มีความเป็นไปที่รัฐบาลจะประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในพื้นที่กทม.ระหว่างวันที่ 15-25 ต.ค.เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยหากมีการชุมนุมของกลุ่มใด ๆ ในช่วงดังกล่าว แต่ทั้งนี้ต้องนำเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อน
ส่วนการนัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่มเสื้อแดงในวันที่ 11 ต.ค.นั้น ขณะนี้ยังไม่เห็นความจำเป็นว่าจะต้องประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ มาควบคุมสถานการณ์ จนกว่าจะได้รับการรายงานข่าวว่าจะมีเหตุที่อาจนำไปสู่ความรุนแรงจึงจะนำมาพิจารณาอีกครั้ง
"ในขณะนี้ยังไม่มี จนกว่าจะมีข่าวเป็นอย่างอื่นยกเว้นว่าคืนนี้ หรือพรุ่งนี้ ข่าวเปลี่ยนแปลงค่อยว่ากันใหม่...ผมจะพิจารณาประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ด้วย แต่จะเสนอ ครม.ก่อน คาดว่าน่าจะเป็นช่วง 15-25 ต.ค." รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
สำหรับการจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน พร้อมด้วยประเทศคู่เจรจา ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในระหว่างวันที่ 23-25 ต.ค.นั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้เตรียมรับมืออย่างเต็มที่โดยอยู่บนพื้นฐานของความไม่ประมาท เนื่องจากเคยมีประสบการณ์จากการจัดประชุมที่เมืองพัทยามาแล้ว
ด้านนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้ขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันทำงานตามแผนปฏิบัติการอย่างรัดกุม เพราะการจัดประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมที่สำคัญมาก เนื่องจากเป็นการประชุมระดับผู้นำประเทศ อีกทั้งเพื่อช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่นานาชาติ หลังเกิดเหตุการณ์ล้มประชุมที่พัทยามาแล้ว ดังนั้น จึงจำเป็นต้องเฝ้าระวังกลุ่มต่างๆ และมีการทำงานด้านการรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่
สำหรับกำลังเจ้าหน้าที่ที่ใช้ในการดูแลรักษาความปลอดภัยนั้น จะใช้กำลังผสมระหว่างตำรวจ ทหาร และพลเรือน จำนวน 18,258 นาย โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการ ศูนย์อำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัย(ศอร.รปภ.) ซึ่งเบื้องต้นได้รับรายงานว่าอาจจะมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองนอกพื้นที่จัดการประชุมอยู่บ้าง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเข้าดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ดี จะมีการชี้แจงให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบถึงแผนงานด้านการรักษาความปลอดภัยในช่วงการจัดประชุมดังกล่าว ผ่านทางสื่อของกรมประชาสัมพันธ์ทั้งทางสถานีวิทยุ และสถานีโทรทัศน์วันนี้เป็นวันแรก