นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) พื้นที่กรุงเทพฯ ให้สัมภาษณ์ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดถึงกรณีที่นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่าอาจมีเหตุลอบวางระเบิดนอกพื้นที่ที่ประกาศความมั่นคงในกรุงเทพฯ ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียนระหว่างวันที่ 23-25 ต.ค.52
นายสุเทพ ยอมรับว่า มีความกังวลที่อาจจะมีผู้ฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ความปั่นป่วนเสียหายให้แก่บ้านเมืองในช่วงการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน แม้ขณะนี้จะยังไม่การรายงานด้านการเข้าข่าวมา หากมีข้อมูลและหลักฐานรัฐบาลก็จะชี้แจงให้ทราบและจะไม่บริหารงานบนข่าวลือ
แม้จะยอมรับว่ามีความความกังวลและต้องขอให้ประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตา แต่ก็อย่าตื่นตระหนกตกใจจนเกินไป และในส่วนของความมั่นคงได้กวดขันให้ระมัดระวัง ตรวจตราเรื่องนี้เป็นพิเศษ
"ใครพูดก็ต้องไปถามคนนั้น แต่ในฐานะรับผิดชอบงานด้านความมั่นคงก็ได้พยายามตรวจตรา เพราะถ้าเกิดเหตุการณ์ขึ้นจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ โดยเฉพาะในรอบสัปดาห์นี้ที่มีผู้นำประเทศต่างๆ เดินทางเข้ามาในไทยจำนวนมาก จึงต้องเข้มงวดกวดขันเป็นพิเศษ" รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าผู้ก่อความไม่สงบอาจก่อเหตุในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อแสดงศักยภาพให้ผู้นำชาติต่างๆ ได้เห็น และเพื่อต้องการยกระดับกลุ่มของตัวเองขึ้นนั้น นายสุเทพ ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ได้ข่าวมาจริง ซึ่งได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่เข้าไปกวดขันเป็นพิเศษในพื้นที่แล้ว
ด้านความคืบหน้าในการพิจารณาถอนการให้ประกันตัวนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ในคดีบุกรุกสถานที่จัดการประชุมอาเซียนที่เมืองพัทยานั้น นายสุเทพ ระบุว่า ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบให้ชัดเจน เพราะเงื่อนไขการประกันตัวอาจหมดไปแล้ว และพ้นจากอำนาจการควบคุมตัวของตำรวจไปแล้ว เนื่องจากคดีอยู่ในชั้นการพิจารณาส่งฟ้อง
รองนายกรัฐมนตรี ยังชี้แจงถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติการต่ออายุกองกำลัง 5221 สังกัดกองทัพบก เพื่อทำหน้าที่อารักขาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีว่า มีความจำเป็นต้องขยายอายุการทำงานของกองกำลังดังกล่าว เพราะสถานการณ์บ้านเมืองเป็นเช่นนี้ และการดูแลคงไม่ได้ดูแลเฉพาะแค่นายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี แต่ยังมีบุคคลสำคัญอื่นๆ อีกมาก การตั้งอยู่บนความไม่ประมาทถือว่าดีที่สุด