นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เลขาธิการเครือข่ายประชาชนแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ประธานคณะกรรมการตรวจสอบอำนาจรัฐ สมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย(สปท.) และตัวแทนภาคประชาชนกว่า 100 คนจากเครือข่ายสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย เครือข่าย ป.ป.ช.ภาคประชาชน เครือข่ายภาคีประชาชนผู้ติดตามสถานการณ์บริเวณเขาพระวิหาร กลุ่มพิทักษ์ราชันและแผ่นดินไทย และกลุ่มศรีวิชัย รวมตัวกันที่ฝั่งตรงข้ามสถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยอ่านแถลงการณ์ประณามสมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี
"ขอประณามนายฮุนเซ็นว่าได้ทำการอันชั่วช้าเลวทราม ดูหมิ่นเหยียดหยามรัฐบาล กองทัพไทย และประชาชน รวมทั้งเป็นการทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ ดังนั้น อยากเรียกร้องให้นายฮุนเซ็นรีบสำนึกผิดและขอโทษต่อประเทศไทยในทันที"นายไชยวัฒน์ กล่าว
แถลงการณ์ยังระบุอีกว่า นายกรัฐมนตรีกัมพูชาฉวยโอกาสที่เดินทางมาประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในประเทศไทยแถลงข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สามารถอยู่ในกัมพูชาในฐานะแขกของกัมพูชา และจะเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ พร้อมกับยืนยันว่าจะไม่ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มารับผิดตามกฎหมายในประเทศไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชาทำผิดอย่างร้ายแรง
"เป็นการจงใจแสดงความเป็นปรปักษ์ต่อประเทศไทย ดูหมิ่นเหยียดหยามคนไทยทั้งประเทศ และถือว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในราชอาณาจักรไทยด้วย" นายไชยวัฒน์ กล่าว
นอกจากนี้ ยังขอประณาม พล.อ.ชวลิต เพื่อไม่ให้คนไทยรุ่นหลังได้ประพฤติเป็นเยี่ยงอย่าง เพราะมีบทบาทและพฤติกรรมทรยศชาติ ขายชาติ มีการประพฤติตัวไม่เหมาะสมกับผู้ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นมหาโยธิน พร้อมกันนี้ทางกลุ่มสมัชชาฯได้เรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนบทบาทท่าทีความสัมพันธ์กับประเทศกัมพูชาด้วย
สำหรับบรรยากาศบริเวณด้านหน้าสถานทูตกัมพูชา ถ.ประชาอุทิศ มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 4 จำนวน 2 กองร้อย ประจำการอยู่บริเวณโดยรอบ และด้านหน้ามีการนำแผงรั้วเหล็กมาวางกั้นไว้ตลอดแนวประตูทางเข้า และมีรถควบคุมผู้ต้องหา 4 คันจอดเรียงบริเวณหน้าสถานทูต แต่การชุมนุมก็เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย โดยแกนนำสลับกันขึ้นปราศรัยหลายภาษา
กลุ่มธรรมยาตรากู้ชาตินำโดย นายสมาน ศรีงาม เลขาธิการกลุ่มฯ ซึ่งเคยถูกรัฐบาลกัมพูชาจับตัวไปกรณีที่ไปประท้วงบริเวณพื้นที่ทับซ้อนได้เดินทางมาสบทบด้วย พร้อมกับอ่านแถลงการณ์ประณามรัฐบาลกัมพูชา และเรียกร้องให้ยกเลิกสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ.1904-1907 เนื่องจากทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบ
อย่างไรก็ตาม อยากเรียกร้องให้รัฐบาลมีมาตรการดำเนินการต่อการกระทำของสมเด็จฮุนเซ็นอย่างเร่งด่วน รวมทั้งหามาตรการปกป้องพื้นที่ทับซ้อนบริเวณปราสาทพระวิหาร ไม่ใช่ใช้เพียงสันติวิธีหรือวิธีทางการทูตเท่านั้น
"หากภายใน 15 วันรัฐบาลยังนิ่งเฉย ผมจะเข้ายื่นหนังสือต่อกองทัพไทยในฐานะที่เป็นผู้ปกป้องราชอาณาจักรตามรัฐธรรมนูญเพื่อให้เสนอความเห็นต่อรัฐบาล สั่งให้รัฐบาลดำเนินการเพื่อบรรลุตามเป้าหมาย" นายไชยวัฒน์ กล่าว
นายไชยวัฒน์ กล่าวว่า ประเทศไทยไม่ควรเจรจากับกัมพูชาขณะที่เรายังเสียเปรียบอยู่ เพราะบริเวณพื้นที่ทับซ้อนยังมีชาวกัมพูชาอาศัยอยู่ ทั้งๆ ที่ผิดตามข้อตกลง ดังนั้นรัฐบาลจะต้องจัดการเรื่องนี้ และเจรจาขณะที่ประเทศเราได้เปรียบ มิเช่นนั้นไทยอาจจะต้องเสียดินแดนดังกล่าวไปจริงๆ
ส่วนกรณีที่นายวีระ มุสิกพงษ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ประกาศจะปิดล้อมสถานทูตกัมพูชา ในวันที่ 2 พ.ย.นี้ กลุ่มของตนเองคงไม่เข้าร่วม เพราะเห็นว่ากัมพูชาไม่ควรได้รับเกียรติขนาดนั้น ยกเว้นสถานการณ์จะยกระดับและเปลี่ยนแปลงไป และหากคนไทยจะดำเนินการอย่างไรเพื่อปกป้องประเทศก็เห็นว่าเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ถ้าไม่ขัดรัฐธรรมนูญ