รมว.คมนาคม เตรียมใช้ไม้แข็งจัดการ สร.รฟท.ขัดขวางการให้บริการเดินรถ

ข่าวทั่วไป Tuesday October 27, 2009 17:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

รมว.คมนาคม เผยเตรียมบังคับใช้กฎหมายกับบุคคลที่ขัดขวางการให้บริการเดินรถไฟอย่างจริงจัง เพื่อใช้เป็นบรรทัดฐานในการแก้ปัญหาในอนาคต หวั่นหากปล่อยทิ้งไว้อาจมีการนำความเดือดร้อนของประชาชนมาใช้ในการต่อรองได้อีก

"ต่อไปจากนี้ ฝ่ายบริหารจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มรูปแบบ บุคคลใดที่ขัดขวางการเดินรถไฟถือว่าขัดคำสั่งศาล เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเข้าจับกุมได้ทันที ซึ่งที่ผ่านมาอาจจะยังไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ เพราะเกรงว่าจะรุนแรงเกินไป แต่ขณะนี้เวลาก็ล่วงเลยมาระยะหนึ่งแล้ว ปัญหาก็ยังไม่ยุติก็คงจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายให้สมบูรณ์" นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม กล่าว

ล่าสุดการเปิดเดินรถไฟสายใต้ที่เป็นขบวนรถท้องถิ่นที่วิ่งเข้าออกสถานีรถไฟหาดใหญ่จำนวน 10 ขบวน ซึ่งใช้หัวรถจักรหมุนเวียนจำนวน 13 คัน แม้ รฟท.จะดำเนินการซ่อมบำรุงหัวรถจักรให้พร้อมใช้การได้ทั้งหมดแล้วแต่ยังไม่สามารถเปิดเดินรถได้เพราะติดปัญหาที่พนักงานที่ยังไม่ยอมปฏิบัติงาน

รมว.คมนาคม กล่าวว่า ผู้บริหาร รฟท.และกระทรวงคมนาคมพร้อมที่จะเจรจากับ สร.รฟท. แต่ในทางปฏิบัติพนักงานต้องทำงานตามหน้าที่ ส่วนปัญหาที่ต้องการให้แก้ไขก็จะรับไว้ดำเนินการต่อไป ไม่ใช่หยุดการเดินรถและนำความเดือดร้อนของประชาชนมาเป็นเครื่องต่อรองซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ในอนาคตก็จะเกิดปัญหาแบบเดียวกันนี้ขึ้นอีก

"ผม ตลอดจนฝ่ายบริหารของกระทรวงคมนาคมไม่ต้องการเอาชนะกับสหภาพฯ แต่กระบวนการที่จะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นต้องยึดระบบที่ควรจะเป็น ซึ่งต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง และแม้ว่าสังคมอาจจะเห็นว่ารัฐบาลแก้ปัญหาล่าช้า แต่ผมต้องการที่จะแก้ปัญหาในระยะยาว เพราะหากเร่งแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยการไปตกลงยินยอมกับสหภาพฯ ในอนาคตวงจรเดิมๆ ที่ใช้ความเดือดร้อนของประชาชนมาเป็นเครื่องต่อรองก็จะเกิดขึ้นอีก" นายโสภณ กล่าว

ปัจจุบันกระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างการศึกษาและรวบรวมข้อมูลและปัญหาภายใน รฟท.อย่างเป็นระบบ และเข้าใจถึงปัญหาเร่งด่วนเรื่องการขาดแคลนหัวรถจักร โดยเตรียมซื้อหัวรถจักรจากจีนเพิ่มอีก 7 คัน ในรูปแบบจีทูจี และประเทศจีนยังเสนอให้ประเทศไทยกู้เงินจำนวน 400 ล้านดอลลาร์ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ เพื่อที่จะนำมาใช้ในการพัฒนาระบบรางด้วย

นอกจากนี้ ไทยยังเตรียมเชิญชวนนักธุรกิจจีนเข้ามาลงทุนในการพัฒนาระบบราง ไม่ว่าจะเป็น การลงทุนก่อสร้างรถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง รวมทั้งการเปิดเดินรถไฟเชื่อมระหว่างประเทศ ซึ่งกระทรวงคมนาคมจะสรุปแนวทางการพัฒนาเพื่อที่จะเสนอให้ที่ประชุมครม.ทราบภายใน 2 สัปดาห์ หลังจากนั้นตนเองและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปประเทศจีนเพื่อเจรจาในรายละเอียด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ