ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาความเหมาะสมและแก้ไขปัญหาโครงการไทยเข้มแข็งชุดใหม่ โดยเพิ่มสัดส่วนผู้แทนจากกรมวิชาการและเจ้าของโครงการด้วย เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ประชาชนได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้น คาดกำหนดกรอบทิศทางการพัฒนาให้ชัดเจนแล้วเสร็จภายในเดือน พ.ย.52
"รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายให้การบริหารจัดการโครงการไทยเข้มแข็งมีความโปร่งใสที่สุด และให้กรมวิชาการต่างๆ และผู้แทนหน่วยงานต่างๆ ที่เป็นเจ้าของโครงการเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาครั้งนี้ด้วย" นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าว
วันนี้ นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ประชุมคณะกรรมการพิจารณาความเหมาะสมและแก้ไขปัญหาโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุข ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง พ.ศ.2555 เพื่อติดตามความก้าวหน้าการบริหารจัดการงบ พัฒนาระบบบริการสาธารณสุขทั้งระบบภายใต้วงเงิน 86,685 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงกระทรวงสาธารณสุขได้เซ็นยกเลิกคำสั่งกระทรวงสาธารณสุขเดิมที่ 1386/2552 เมื่อวันที่ 30 ก.ย.52 และออกคำสั่งกระทรวงสาธารณสุขที่ 1588/ 2552 แต่งตั้งคณะกรรมการฯชุดใหม่ ลงนามเมื่อวันที่ 27 ต.ค.52 ทั้งหมด 29 คน โดยมี นพ.สถาพร วงษ์เจริญ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานกรรมการ และปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นที่ปรึกษา
"ปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้มอบนโยบายให้คณะกรรมการฯ ร่วมกันกำหนดกรอบและทิศทางการพัฒนาสถานบริการระดับต่างๆ ให้ชัดเจน เพื่อให้การทบทวนครั้งนี้เกิดประโยชน์กับประชาชนมากยิ่งขึ้น เพราะคาดว่าในอนาคตประมาณ 10 ปี กระทรวงสาธารณสุขอาจจะไม่ได้รับงบก่อสร้าง งบซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์เหมือนครั้งนี้อีก กำหนดให้คณะกรรมการทุกชุดดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในเดือนพฤศจิกายน 2552" โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าว
ทิศทางในอนาคตจะให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลเป็นด่านหน้าในการบริการตรวจรักษาผู้ป่วยนอก ส่วนโรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป จะรับดูแลผู้ป่วยอาการรุนแรงที่ต้องพักรักษาตัว ในส่วนของการพัฒนา ร.พ.ส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล ได้ให้คณะกรรมการแยกแยะให้ชัดเจนว่ารายการใดคงเดิม รายการใดเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนวงเงิน หรือเป็นรายการใหม่
ส่วนการทบทวนการพัฒนาโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไปที่มีกว่า 500 รายการ มีครุภัณฑ์หลายเรื่องต้องทบทวนใหม่ ทั้งราคา ความจำเป็นและความเหมาะสมต่อการใช้งาน โดยที่ประชุมมีมติให้จัดประชุมผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป ในสัปดาห์หน้านี้ โดยมี นพ.สถาพร เป็นที่ปรึกษา ซึ่งได้กำหนดเกณฑ์การพิจารณาทบทวนราคาสิ่งก่อสร้างและครุภัณฑ์ ให้คำนึงถึงความจำเป็นและความเหมาะสม ต่อการใช้งานในโรงพยาบาล และการกระจายที่เสมอภาค
สำหรับประเด็นทบทวนการพัฒนาโรงพยาบาลชุมชนจะดูประชาชนเป็นตัวตั้ง เพื่อให้เข้าถึงบริการได้ดีขึ้นกว่าเดิม ที่ประชุมให้ตั้งคณะอนุกรรมการเพิ่ม และจัดประชุมผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชน โดยมอบหมายให้ นพ.ทนงสรรค์ สุทธาธรรม รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นที่ปรึกษา ขณะเดียวกันได้ให้โครงการที่กอง/กรมวิชาการต่างๆ เช่น กรมการแพทย์ ที่ขอตั้งงบในโครงการไทยเข้มแข็งวงเงิน 2,906 ล้านบาท รวมทั้งการพัฒนาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ตั้งคณะอนุกรรมการทบทวนด้วยเช่นกัน โดยให้ทุกชุดนำเสนอผลพร้อมกันในวันที่ 10 พ.ย.52