นางเบญจวรรณ สร่างนิทร เลขาธิการ คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(ก.พ.)เผยเตรียมใช้เกณฑ์การประเมินผลการปฏิบัติราชการรูปแบบใหม่วันที่ 1 เม.ย.53 โดยกำหนดให้ส่วนราชการและจังหวัดต้องประกาศหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลให้ข้าราชการได้รับทราบตั้งแต่ช่วงต้นรอบการประเมิน ซึ่งกำหนดไว้ปีละ 2 รอบ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.52- 31 มี.ค.53
การประเมินผลดังกล่าวจะดำเนินการภายใต้ข้อตกลงการมอบหมายงาน การกำหนดตัวชี้วัดผลการปฏิบัติงานระหว่างผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชาตามหลักความโปร่งใสชัดเจน ซึ่งส่วนราชการสามารถกำหนดเครื่องมือการประเมินผลงานและพฤติกรรมในการปฏิบัติงานได้ตามความเหมาะสมกับลักษณะงานของส่วนราชการ เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่น คล่องตัว สอดคล้องกับข้อเท็จจริงมากขึ้น
ตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย.เป็นต้นไป ก.พ.จะจัดชุดเคลื่อนที่ไปชี้แจงเกณฑ์การปรับเงินเดือน ขรก.แบบใหม่ให้ส่วนราชการ 147 หน่วยใน 19 กระทรวงได้รับทราบในรายละเอียด
"จะเปลี่ยนจากระบบขั้นมาเป็นร้อยละ เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2553 เชื่อว่าจะสามารถให้ค่าตอบแทนที่เหมาะสม ส่วนการคิดอัตราเงินเดือนรูปแบบใหม่กระทรวงการคลังจะจัดสรรงบประมาณให้แต่ละหน่วยงานปีละ 6% เพื่อให้แต่ละองค์กรประเมินผล ซึ่งการขึ้นเงินเดือนจะแบ่งเป็น 2 รอบๆ ละ 3% ในแต่ละครึ่งปี โดยการขึ้นเงินเดือนจะเฉลี่ยตั้งแต่ 0-6% พิจารณาตามผลงานที่ผู้บังคับบัญชาจะประเมิน"นางเบญจวรรณ กล่าว
เลขาธิการ ก.พ.กล่าวว่า การประเมินผลการปฏิบัติราชการแบบใหม่จะใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาเลื่อนเงินเดือนที่กำหนดเป็นร้อยละแทนการเลื่อนเงินเดือนเป็นขั้นตามแบบเดิม ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริหารสามารถบริหารจัดการวงเงินที่ใช้เลื่อนเงินเดือนได้คล่องตัว หลากหลาย สะท้อนผลการปฏิบัติงานของข้าราชการเป็นรายบุคคลได้มากกว่า และเป็นเครื่องมือช่วยผู้บริหารในการผลักดันให้ผู้ปฏิบัติงานเร่งสร้างผลงาน มีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง โดยผลการประเมินจะเป็นข้อมูลบุคคลที่สั่งสมในระยะยาว ใช้เป็นข้อมูลประกอบในการแต่งตั้ง โยกย้าย และการสร้างความก้าวหน้าในงานที่เป็นรูปธรรม รวมถึงการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการบริหารทรัพยากรบุคคลอื่นๆ
ทั้งนี้ ก.พ.ได้กำหนดแผนการดำเนินการเพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจแก่ส่วนราชการและจังหวัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงแรกของการปรับใช้หลักเกณฑ์ มาตรฐาน และแนวทางที่กำหนดใหม่ดังกล่าว นอกเหนือจากตั้งทีมที่ปรึกษาเพื่อรับผิดชอบรายกระทรวงแล้ว
เลขาธิการ ก.พ.กล่าวว่า นอกจากเป็นการปรับเปลี่ยนระบบบริหารงานของราชการให้คำนึงถึงผลสัมฤทธิ์ของงานแล้ว ยังเป็นการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของข้าราชการ ให้ผู้ที่มีผลงานดีได้รับค่าตอบแทนที่สมเหตุสมผล และตอกย้ำคำกล่าวที่ว่า "ค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน" ซึ่งเป็นเรื่องที่ส่วนราชการต้องให้ความสำคัญ