นายกรัฐมนตรี เผยผลการประชุมผู้นำประเทศลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ 1 ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยมีการหารือเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนและอนุภูมิภาค ทั้งในด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โรคติดต่อ โรคระบาดใหม่ ซึ่งญี่ปุ่นจะให้ความร่วมมือในการถ่ายทอดเทคโนโลยีและระบบการบริหารจัดการ เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้น เช่น การถ่ายถอดเทคโนโลยีในการผลิตวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ซึ่งหากมีปริมาณเพียงพอก็สามารถกระจายไปยังภูมิภาค
"เราเป็นเสมือนประตู ถ้าญี่ปุ่นมาทำเรื่องการฝึกอบรม และผ่านเราก็เป็นเรื่องดี เพราะทำให้เราได้รับการยอมรับในการเป็นประตูเข้าสู่อนุภูมิภาค และความร่วมมือกับญี่ปุ่นในเรื่องเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการลงทุนสาขาใหม่ในประเทศไทย" นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมฯ ยังพูดถึงการจัดการประชุมเรื่องต่างๆ และแลกเปลี่ยนทางด้านการศึกษา วัฒนธรรม และหารือถึงสถานการณ์ในภูมิภาค เช่น ปัญหาเกาหลีเหนือ พม่า และการปฏิรูปสหประชาชาติ นอกจากนี้ยังรับรองปฏิญญาโตเกียวของการประชุมระหว่างหัวหน้ารัฐบาลของญี่ปุ่นกับประเทศลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ 1 การจัดตั้งหุ้นส่วนใหม่เพื่ออนาคตที่รุ่งเรืองร่วมกัน
"ทั้ง 5 ประเทศในลุ่มน้ำโขงเป็นส่วนหนึ่งของอาเซียน ดังนั้นสิ่งที่ให้ความสำคัญร่วมกันคือเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน และการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคม การดูแลเรื่องกฎระเบียบการผ่านแดนทั้งคนและสินค้า ถ้าสามารถทำให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมได้จะทำให้เรื่องอื่นเกิดขึ้นตามมา ถึงแม้จะเป็นโครงการที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้าน แต่ก็มีผลในทางบวกกับเราโดยตรง ในแง่การลดต้นทุนการขนส่ง และเป็นผลให้อนุภูมิภาคมีความดึงดูดมากขึ้นในการลงทุน" นายอภิสิทธิ์ กล่าว