ประชาชนอย่างน้อย 38 คนเสียชีวิตในเหตุการณ์พายุหิมะถล่มภาคเหนือของจีนเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน ขณะที่ประชาชนอีกหลายแสนคนได้รับผลกระทบจากการที่เที่ยวบินถูกยกเลิกและการจราจรหยุดชะงักท่ามกลางสภาพอากาศที่เลวร้าย
สื่อจีนรายงานว่า หิมะเริ่มตกหนักมาตั้งแต่เมื่อวันอังคารในภาคเหนือของจีน ซึ่งรวมถึงมณฑลเหอเป่ย ส่านซี และเหอหนาน และบางพื้นที่มีหิมะตกหนักมากที่สุดในรอบ 50 ปี
สำหรับผู้เสียชีวิตนั้น มีรายงานใน 5 มณฑล โดยเฉพาะชานตง มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในขณะนี้ด้วยจำนวน 24 ราย ส่วนในมณฑลเหอเป่ย มีเด็กเสียชีวิต 3 ราย และอีก 28 คนได้รับบาดเจ็บหลังจากที่โรงอาหารของโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งถล่มลงมาเมื่อวันพุธเนื่องจากรับน้ำหนักของหิมะบนหลังคาไม่ไหว ขณะที่ในมณฑลเหอหนาน ก็มีรายงานเด็กนักเรียนเสียชีวิต 1 ราย และอีก 7 รายได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์โรงอาหารถล่มเมื่อเช้าวานนี้
นอกจากนี้ ประชาชนจำนวนมากต้องติดอยู่ในยานพาหนะของตนบนทางด่วนหลายสายทั่วทั้งภูมิภาค และบางพื้นที่ไม่มีไฟฟ้าใช้
โดยวานนี้ นายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า ของจีนได้ไปเยือนมณฑลเหอเป่ยซึ่งเป็นพื้นที่ประสบภัยรุนแรงสุด โดยมีประชาชนถึง 630,000 คน ได้รับผลกระทบจากพายุหิมะ
ทั้งนี้ เมืองหลวงอย่างกรุงปักกิ่ง ก็ได้รับผลกระทบจากหิมะที่ตกเร็วกว่าปกติ โดยผู้โดยสารหลายพันคนติดอยู่ที่สนามบินเนื่องจากเที่ยวบิน 59 เที่ยวถูกยกเลิก และอีกหลายร้อยเที่ยวบินต้องล่าช้าออกไป
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของจีนคาดว่า หิมะจะเริ่มตกเบาบางลงในช่วงสุดสัปดาห์นี้ แต่อากาศที่หนาวจัดและหมอกหนาจะยังคงสร้างปัญหาให้กับผู้โดยสารและการจราจร