นายสุทธิ อัชฌาศัย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก เปิดเผยว่า ในวันที่ 20 พ.ย.นี้กลุ่มผู้ฟ้องคดีมาบตาพุดจะยื่นคำแถลงต่อศาลปกครองเพื่อขอให้เรียกพยานเอกสารจาก 7 หน่วยงาน เช่น สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สป.), คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน เป็นต้น หลังจากที่วันนี้ศาลปกครองสูงสุดได้นัดไต่สวนคู่กรณีครบถ้วนแล้ว
ทั้งนี้ เมื่อเครือข่ายประชาชนฯ ได้ยื่นคำแถลงต่อศาลแล้ว ศาลจะทำหนังสือแจ้งไปยังหน่วยงานต่างๆ ตามที่ร้องขอ และจะเปิดโอกาสให้ผู้ถูกฟ้องทำคำแถลงค้าน ซึ่งคาดว่ากระบวนการนี้จะใช้เวลาไม่น้อยกว่า 1 เดือน
คดีดังกล่าวมีสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน กับพวกรวม 43 คนเป็นผู้ฟ้องคดี, คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ กับพวกรวม 8 คน เป็นผู้ถูกฟ้องคดี และบริษัท เหมราช อีสเทิร์นซีบอร์ด อินดัสเตรียลเอสเตท จำกัด กับพวกรวม 36 คน เป็นผู้มีส่วนได้เสีย ในคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร
สำหรับคดีนี้ผู้ฟ้องคดี ฟ้องว่าผู้ถูกฟ้องที่ 1 กับพวกออกใบอนุญาตให้โครงการกิจกรรมต่างๆ ของเอกชนในงานอุตสาหกรรมบริเวณพื้นที่มาบตาพุด-บ้านฉาง และพื้นที่ใกล้เคียงใน จ.ระยอง โดยอาศัยรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่จัดทำขึ้นโดยมิได้รับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ตามรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550
เป็นเหตุให้ผู้ฟ้องคดีที่เป็นประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวได้รับความเดือดร้อนเสียหาย จึงขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีเพิกถอนใบอนุญาตถอนรายการวิเคราะห์ฯ ที่ไม่ชอบ อีกทั้งให้มีการจัดทำงานรายงานใหม่ให้ถูกต้อง และผู้ฟ้องคดีได้ยื่นคำขอให้ศาลกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษา โดยขอให้ระงับการดำเนินกิจกรรมใดๆ ในปัจจุบันสำหรับโครงการที่กำลังดำเนินการอยู่ เพื่อให้ผู้ถูกฟ้องจัดทำการศึกษาและประเมินผลกระทบคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ทำให้เมื่อวันที่ 29 ก.ย.52 ศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีพร้อมพวกรวม 8 คนสั่งระงับโครงการหรือกิจกรรมในโครงการดังกล่าวไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น และต่อมาผู้ถูกฟ้องคดีและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อศาลปกครอง ซึ่งศาลปกครองสูงสุดได้นัดไต่สวนคู่กรณีไปแล้ว 2 ครั้ง คือวันที่ 2 และ 12 พ.ย.52